นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ขอศาลออกหมายจับแกนนำ 57 คน เพื่อนำตัวไปฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งต่อมาได้มีการจับกุมนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และพนักงานสอบสวนก็ได้ยื่นคำร้องขอศาลฝากขัง เพื่อที่จะดำเนินการในชั้นสอบสวนอีกหลายประการ และศาลก็ได้ยกคำร้อง
ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญมากในกระบวนการยุติธรรม ในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ต้องหาแต่กระบวนการก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เห็นว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะศาลได้มีคำสั่งในการออกหมายจับระบุไว้ชัดว่า เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจในการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว สอบสวนไม่ได้ ควบคุมตัวไว้สอบสวนต่อไม่ได้ ไม่มีอำนาจในการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้น การควบคุมตัวได้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้พนักงานอัยการมายื่นฟ้องต่อศาล
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะลักไก่โดยการควบคุมตัวผู้ถูกจับไว้ดำเนินการสอบสวนหรือกระทำการใดๆ ไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนหมดหน้าที่ในกระบวนการสอบสวนในคดีนี้แล้ว เว้นแต่พนักงานอัยการจะสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการกับพนักงานสอบสวนจะต้องประสานกันให้เกิดความชัดเจนว่า พนักงานอัยการร่างฟ้องเสร็จหรือยังสำนวนพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจับตัวมาก่อนแล้วค่อยว่ากันตามยถากรรม พนักงานอัยการอย่าตกเป็นเครื่องมือของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่มีความรู้ในทางกฎหมายอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ทำงานเพื่อสนองตอบฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว ตนไม่มีอำนาจในการฝากขังเพื่อสอบสวนต่อแล้วยังคิดว่าตนมีอำนาจ ก็เพื่อมุ่งที่จะกลั่นแกล้งเพื่อตอบสนองฝ่ายการเมือง เพราะเมื่อเรื่องถึงศาลยุติธรรมความเป็นธรรมก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง นายธาริต กลัวความเป็นธรรมจะบังเกิดจึงพยายามที่จะทำให้เห็นว่ามีอำนาจแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนไปฟ้องนายธาริต กับคณะพนักงานสอบสวน ในเรื่องดังกล่าวแน่นอนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญมากในกระบวนการยุติธรรม ในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ต้องหาแต่กระบวนการก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เห็นว่าการกระทำของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะศาลได้มีคำสั่งในการออกหมายจับระบุไว้ชัดว่า เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจในการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว สอบสวนไม่ได้ ควบคุมตัวไว้สอบสวนต่อไม่ได้ ไม่มีอำนาจในการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้น การควบคุมตัวได้เท่าที่จำเป็นเพื่อให้พนักงานอัยการมายื่นฟ้องต่อศาล
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะลักไก่โดยการควบคุมตัวผู้ถูกจับไว้ดำเนินการสอบสวนหรือกระทำการใดๆ ไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนหมดหน้าที่ในกระบวนการสอบสวนในคดีนี้แล้ว เว้นแต่พนักงานอัยการจะสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการกับพนักงานสอบสวนจะต้องประสานกันให้เกิดความชัดเจนว่า พนักงานอัยการร่างฟ้องเสร็จหรือยังสำนวนพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจับตัวมาก่อนแล้วค่อยว่ากันตามยถากรรม พนักงานอัยการอย่าตกเป็นเครื่องมือของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่มีความรู้ในทางกฎหมายอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ทำงานเพื่อสนองตอบฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว ตนไม่มีอำนาจในการฝากขังเพื่อสอบสวนต่อแล้วยังคิดว่าตนมีอำนาจ ก็เพื่อมุ่งที่จะกลั่นแกล้งเพื่อตอบสนองฝ่ายการเมือง เพราะเมื่อเรื่องถึงศาลยุติธรรมความเป็นธรรมก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง นายธาริต กลัวความเป็นธรรมจะบังเกิดจึงพยายามที่จะทำให้เห็นว่ามีอำนาจแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนไปฟ้องนายธาริต กับคณะพนักงานสอบสวน ในเรื่องดังกล่าวแน่นอนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ