จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เพราะเป็นตำแหน่งเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ต้องมีความรักชาติและเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า นายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่มีความเป็นกลาง มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน เพราะมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ตรงกันข้ามกับฝ่ายรัฐบาลรักษาการและพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน รวมทั้งยังเคยมีส่วนในการสั่งสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยจนมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมากในปี 2553 และยังขึ้นเวทีปราศรัยของคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) อีกด้วย จึงไม่แตกต่างจากแกนนำ กปปส.ที่มีหมายจับข้อหากบฏ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยการเมืองไม่เหมือนสมัยก่อนมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน มีการแข่งขันเอาเป็นเอาตาย เมื่ออีกฝ่ายแพ้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาที่จะมีการยอมรับและฟังเสียงของประชาชนในการตัดสินอนาคตของประเทศและเมื่อเลือกตั้งเสร็จก็จบ
จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อนายถวิล เข้ามาทำงานคงไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลรักษาการได้ เพราะมีความเห็นที่แตกต่าง และสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลรักษาการ เปรียบเหมือนเอาโจรเข้าบ้าน เพราะอาจจะนำเอาข้อมูลหรือความลับของรัฐบาลรักษาการไปเปิดเผยกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน รัฐบาลรักษาการจึงมองแล้วว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงมีการเปลี่ยนตัวคนที่มีความคิดเห็นที่เป็นกลางเข้ามา ทำงานในตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวผู้มาทำหน้าที่เลขาธิการ สมช.เป็นความชอบธรรมที่รัฐบาลรักษาการทำได้
ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า นายถวิล เปลี่ยนศรี ไม่มีความเป็นกลาง มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน เพราะมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ตรงกันข้ามกับฝ่ายรัฐบาลรักษาการและพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน รวมทั้งยังเคยมีส่วนในการสั่งสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยจนมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมากในปี 2553 และยังขึ้นเวทีปราศรัยของคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) อีกด้วย จึงไม่แตกต่างจากแกนนำ กปปส.ที่มีหมายจับข้อหากบฏ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยการเมืองไม่เหมือนสมัยก่อนมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน มีการแข่งขันเอาเป็นเอาตาย เมื่ออีกฝ่ายแพ้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาที่จะมีการยอมรับและฟังเสียงของประชาชนในการตัดสินอนาคตของประเทศและเมื่อเลือกตั้งเสร็จก็จบ
จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อนายถวิล เข้ามาทำงานคงไม่สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลรักษาการได้ เพราะมีความเห็นที่แตกต่าง และสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลรักษาการ เปรียบเหมือนเอาโจรเข้าบ้าน เพราะอาจจะนำเอาข้อมูลหรือความลับของรัฐบาลรักษาการไปเปิดเผยกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน รัฐบาลรักษาการจึงมองแล้วว่าเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงมีการเปลี่ยนตัวคนที่มีความคิดเห็นที่เป็นกลางเข้ามา ทำงานในตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวผู้มาทำหน้าที่เลขาธิการ สมช.เป็นความชอบธรรมที่รัฐบาลรักษาการทำได้