น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนในช่วงระหว่างวันที่ 21-27 เมษายน เป็นช่วงที่อุณหภูมิพุ่งสูงสุดในรอบปี บางพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย และลำปาง อุณหภูมิอาจสูงถึง 43 องศาเซลเซียส ทำให้เป็นห่วงประชาชนจะป่วยโรคฮีทสโตรก (โรคลมแดด) โดยเฉพาะในกลุ่มคน 6 กลุ่มที่เสี่ยงเป็นพิเศษซึ่งต้องเฝ้าระวังเพิ่มการดูแลตัวเองให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ป่วยและเสียชีวิตฉับพลัน ได้แก่ กลุ่มผู้ที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมกลางแดด กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มคนอ้วน กลุ่มผู้ที่อดนอน และกลุ่มผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ โรคลมแดดเป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ โดยระยะแรกร่างกายจะปรับตัวโดยการส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น สมอง ตับ และกล้ามเนื้อ ผิวหนังจึงขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ต่อเนื่อง อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นต่อเนื่องจนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจหมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ โรคลมแดดเป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายได้ โดยระยะแรกร่างกายจะปรับตัวโดยการส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น สมอง ตับ และกล้ามเนื้อ ผิวหนังจึงขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง หากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ต่อเนื่อง อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นต่อเนื่องจนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจหมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
