นายวีระยุทธ ลิกขะไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า จากกรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย หรือ แหล่งเจดีเอ-เอ18 จะหยุดซ่อมระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคมนี้ รวม 28 วัน ทำให้มีปริมาณก๊าซหายไป 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ ต้องหยุดเดินเครื่อง เนื่องจากใช้เชื้อเพลิงจากแหล่งดังกล่าวเป็นหลัก ซึ่งอาจทำให้พื้นที่ภาคใต้ขาดแคลนกำลังผลิตไฟฟ้าไปบางส่วน
ทั้งนี้ กฟผ.เตรียมแผนดึงไฟฟ้าจากภาคกลางลงช่วยกว่า 700 เมกะวัตต์ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ รวมทั้งเพิ่มสายส่งและเพิ่มการผลิตที่โรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่วิธีการนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ถ้าหากจะให้ยั่งยืนก็มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ และขณะนี้ทาง กฟผ.อยู่ในช่วงของการศึกษาและวิจัยที่จะขยายโรงไฟฟ้ากระบี่ แต่ล่าสุดเป็นเพียงขั้นตอนการหารือกับประชาชนในพื้นที่ คาดว่าจะสิ้นสุดโครงการศึกษาและวิจัยในช่วงปลายปี 2557 นี้ เพื่อสรุปว่าจะทำการขยายโรงไฟฟ้ากระบี่หรือไม่อย่างไร
ส่วนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ขณะนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้หยุดการศึกษาและการวิจัยไปแล้ว เพราะอยากหลีกเลี่ยงปัญหาการคัดค้านจากประชาชน แม้ในอดีตการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน อาจจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศจริงๆ เนื่องจากยุคนั้น กฟภ.ไม่มีงบประมาณมากพอที่จะติดตั้งเทคโนโลยีในการฟอกอากาศ จึงอาจยังทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่กลัวโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่อีกมาก
อย่างไรก็ตาม กฟผ.ยืนยันว่า ถ้าหากจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะนำถ่านหินบริสุทธิ์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยจะไม่ยอมใช้ถ่านหินของประเทศไทยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพต่ำ
ทั้งนี้ กฟผ.เตรียมแผนดึงไฟฟ้าจากภาคกลางลงช่วยกว่า 700 เมกะวัตต์ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ รวมทั้งเพิ่มสายส่งและเพิ่มการผลิตที่โรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่วิธีการนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ถ้าหากจะให้ยั่งยืนก็มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ และขณะนี้ทาง กฟผ.อยู่ในช่วงของการศึกษาและวิจัยที่จะขยายโรงไฟฟ้ากระบี่ แต่ล่าสุดเป็นเพียงขั้นตอนการหารือกับประชาชนในพื้นที่ คาดว่าจะสิ้นสุดโครงการศึกษาและวิจัยในช่วงปลายปี 2557 นี้ เพื่อสรุปว่าจะทำการขยายโรงไฟฟ้ากระบี่หรือไม่อย่างไร
ส่วนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ขณะนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้หยุดการศึกษาและการวิจัยไปแล้ว เพราะอยากหลีกเลี่ยงปัญหาการคัดค้านจากประชาชน แม้ในอดีตการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน อาจจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศจริงๆ เนื่องจากยุคนั้น กฟภ.ไม่มีงบประมาณมากพอที่จะติดตั้งเทคโนโลยีในการฟอกอากาศ จึงอาจยังทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่กลัวโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่อีกมาก
อย่างไรก็ตาม กฟผ.ยืนยันว่า ถ้าหากจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะนำถ่านหินบริสุทธิ์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยจะไม่ยอมใช้ถ่านหินของประเทศไทยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพต่ำ
