กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ผู้เขียน 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว เสียชีวิตแล้วในวัย 87 ปี
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับครอบครัวของนักเขียนชื่อดังยืนยันว่า กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่บ้านพักของเขาในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ เมืองหลวงของเม็กซิโก และการเสียชีวิตของเขามีขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากที่เขาเพิ่งเข้ารับการรักษาอาการปอดติดเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ด้านประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส แห่งโคลอมเบีย ออกแถลงที่กรุงโบโกตา เมืองหลวงของประเทศยืนยันข่าวการเสียชีวิตของการ์เซีย มาร์เกซ โดยระบุ ชาวโคลอมเบียได้สูญเสีย “วีรบุรุษผู้เป็นแรงบันดาลใจ” ไปอย่างไม่มีวันกลับ
ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต ผู้นำเม็กซิโก กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของการ์เซีย มาร์เกซ พร้อมยกย่องนักเขียนชื่อดังชาวโคลอมเบียเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของภูมิภาคลาตินอเมริกา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 เมษายน การ์เซีย มาร์เกซเพิ่งเดินทางออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของเม็กซิโก หลังเข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบเมื่อ 31 มีนาคม โดยปัญหาด้านสุขภาพส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่องานเขียนของเขา และเป็นสาเหตุหลักที่การ์เซีย มาร์เกซ ไม่สามารถตีพิมพ์ผลงานใหม่ๆ ได้อีกนับตั้งแต่ปี 2004
ทั้งนี้ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ผู้บุกเบิกงานเขียนแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ได้รับการยกย่องในฐานะนักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ ให้ชาวลาตินอเมริกาลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเผด็จการในภูมิภาค แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัว ความรัก และศิลปะ
โดยผลงานชิ้นเอกของเขาคืองานเขียนเรื่อง “One Hundred Years of Solitude” หรือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” สามารถจำหน่ายได้หลายล้านเล่ม และยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 35 ภาษา นับตั้งแต่การตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1967 และได้รับยกย่องเป็นนวนิยายชิ้นเอกแห่งศตวรรษที่ 20
"กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ" เกิดที่ราคาตาคา ประเทศโคลัมเบีย เมื่อ พ.ศ. 2471 เข้ารับการศึกษาด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัยโบโกตา ก่อนจะหันมายึดอาชีพผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และเขียนวิจารณ์ภาพยนต์ไปด้วย ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนั้น ต้องตระเวนไปทำข่าวต่างประเทศเป็นประจำ ระหว่างโรม ปารีส บาร์เซโรนา คาราคัส และนิวยอร์ก ทั้งยังต้องหลบหนีอำนาจรัฐ เพราะดันไปเปิดโปงกลุ่มค้าของเถื่อนหนีภาษี ที่มีเครือข่ายโยงใยอยู่กับคนในรัฐบาล
หลังจากแต่งงานในปี พ.ศ. 2501 มาร์เกซตัดสินใจเริ่มเขียนนวนิยายอย่างจริงจัง และนวนิยายเรื่อง "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องสูงสุด จนส่งผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบิล สาขาวรรณคดี ประจำปี พ.ศ. 2525 ไปแบบไม่เหนือความคาดหมาย อีกทั้งกลายเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ตราบจนถึงทุกวันนี้
กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ได้รับรางวัลโนเบลเป็นคนที่ 4 ของประเทศลาตินอเมริกา ราชบัณฑิตยสภาสวีเดนได้กล่าวยกย่องว่า “ มีความสามารถอย่างล้นเหลือในการเปิดเผยชีวิตของชาวลาตินอเมริกาได้อย่างดีเลิศ นวนิยายและเรื่องสั้นของเขาได้ผสมผสานจินตนาการในเชิงฝันเข้ากับความเป็นจริงอย่างงดงาม สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งและวิถีชีวิตของคนลาตินอเมริกาได้แจ่มชัด”
"หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" เป็นนวนิยายชิ้นเอกแห่งศตวรรษที่ 20 ที่ได้รับการยกย่องจากวงวรรณกรรมโลกเป็นอักฉันท์ว่าทั้งยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ ไม่มีผลงานเล่มใดของใครอื่นในยุคเดียวกันสามารถเทียบเคียงได้อีกแล้ว เรื่องเล่าอันพิสดารพันลึกที่ผสมผสานไปด้วยบรรยากาศและเหตุการณ์กึ่งจริง กึ่งเหนือจริงผ่านตระกูล "บูเอนดิยา" รวมหกชั่วอายุคน โดยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยลงหลักปักฐานใน "มาคอนโด" เมื่อครั้งที่ยังเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ และโลกยังขาดไร้ถ้อยคำสำหรับใช้เรียกขานมากสิ่งหลายอย่างเป็นต้นมา...
ระยะเวลากว่าหนึ่งศตวรรษกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นกับสมาชิกของครอบครัวหนึ่ง ใช่เพียงสะท้อนถึงปัญหาและชะตากรรมของผู้คนพลเมืองในดินแดนละตินอเมริกา หากยังช่วยให้ผู้อ่านแลเห็นเนื้อแท้ของเหตุการณ์ทางสังคม การเมือง ตลอดเรื่องราวอื่นๆ กระทั่งได้รับการชื่นชมสรรเสริญในฐานะมหากาพย์ร่วมสมัยที่เผยความเป็นไปของประเทศโลกที่สามได้อย่างถึงแก่น
"หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" คือบทพิสูจน์ถึงอำนาจของเรื่องเล่าอันทรงพลังอีกครั้งอย่างไม่มีข้อกังขา ส่งผลให้กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ กลายเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกคนของโลกตราบจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือนวนิยายที่ได้รับการลงความเห็นจากทุกสำนักทางวรรณกรรมมาแล้วให้เป็นหนังสือยอดเยี่ยมตลอดกาล
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับครอบครัวของนักเขียนชื่อดังยืนยันว่า กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่บ้านพักของเขาในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ เมืองหลวงของเม็กซิโก และการเสียชีวิตของเขามีขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากที่เขาเพิ่งเข้ารับการรักษาอาการปอดติดเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ด้านประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส แห่งโคลอมเบีย ออกแถลงที่กรุงโบโกตา เมืองหลวงของประเทศยืนยันข่าวการเสียชีวิตของการ์เซีย มาร์เกซ โดยระบุ ชาวโคลอมเบียได้สูญเสีย “วีรบุรุษผู้เป็นแรงบันดาลใจ” ไปอย่างไม่มีวันกลับ
ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต ผู้นำเม็กซิโก กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของการ์เซีย มาร์เกซ พร้อมยกย่องนักเขียนชื่อดังชาวโคลอมเบียเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของภูมิภาคลาตินอเมริกา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 เมษายน การ์เซีย มาร์เกซเพิ่งเดินทางออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของเม็กซิโก หลังเข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบเมื่อ 31 มีนาคม โดยปัญหาด้านสุขภาพส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่องานเขียนของเขา และเป็นสาเหตุหลักที่การ์เซีย มาร์เกซ ไม่สามารถตีพิมพ์ผลงานใหม่ๆ ได้อีกนับตั้งแต่ปี 2004
ทั้งนี้ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ผู้บุกเบิกงานเขียนแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ได้รับการยกย่องในฐานะนักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ ให้ชาวลาตินอเมริกาลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเผด็จการในภูมิภาค แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัว ความรัก และศิลปะ
โดยผลงานชิ้นเอกของเขาคืองานเขียนเรื่อง “One Hundred Years of Solitude” หรือ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” สามารถจำหน่ายได้หลายล้านเล่ม และยังได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 35 ภาษา นับตั้งแต่การตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1967 และได้รับยกย่องเป็นนวนิยายชิ้นเอกแห่งศตวรรษที่ 20
"กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ" เกิดที่ราคาตาคา ประเทศโคลัมเบีย เมื่อ พ.ศ. 2471 เข้ารับการศึกษาด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัยโบโกตา ก่อนจะหันมายึดอาชีพผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และเขียนวิจารณ์ภาพยนต์ไปด้วย ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนั้น ต้องตระเวนไปทำข่าวต่างประเทศเป็นประจำ ระหว่างโรม ปารีส บาร์เซโรนา คาราคัส และนิวยอร์ก ทั้งยังต้องหลบหนีอำนาจรัฐ เพราะดันไปเปิดโปงกลุ่มค้าของเถื่อนหนีภาษี ที่มีเครือข่ายโยงใยอยู่กับคนในรัฐบาล
หลังจากแต่งงานในปี พ.ศ. 2501 มาร์เกซตัดสินใจเริ่มเขียนนวนิยายอย่างจริงจัง และนวนิยายเรื่อง "หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องสูงสุด จนส่งผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบิล สาขาวรรณคดี ประจำปี พ.ศ. 2525 ไปแบบไม่เหนือความคาดหมาย อีกทั้งกลายเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ตราบจนถึงทุกวันนี้
กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ได้รับรางวัลโนเบลเป็นคนที่ 4 ของประเทศลาตินอเมริกา ราชบัณฑิตยสภาสวีเดนได้กล่าวยกย่องว่า “ มีความสามารถอย่างล้นเหลือในการเปิดเผยชีวิตของชาวลาตินอเมริกาได้อย่างดีเลิศ นวนิยายและเรื่องสั้นของเขาได้ผสมผสานจินตนาการในเชิงฝันเข้ากับความเป็นจริงอย่างงดงาม สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งและวิถีชีวิตของคนลาตินอเมริกาได้แจ่มชัด”
"หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" เป็นนวนิยายชิ้นเอกแห่งศตวรรษที่ 20 ที่ได้รับการยกย่องจากวงวรรณกรรมโลกเป็นอักฉันท์ว่าทั้งยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ ไม่มีผลงานเล่มใดของใครอื่นในยุคเดียวกันสามารถเทียบเคียงได้อีกแล้ว เรื่องเล่าอันพิสดารพันลึกที่ผสมผสานไปด้วยบรรยากาศและเหตุการณ์กึ่งจริง กึ่งเหนือจริงผ่านตระกูล "บูเอนดิยา" รวมหกชั่วอายุคน โดยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยลงหลักปักฐานใน "มาคอนโด" เมื่อครั้งที่ยังเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ และโลกยังขาดไร้ถ้อยคำสำหรับใช้เรียกขานมากสิ่งหลายอย่างเป็นต้นมา...
ระยะเวลากว่าหนึ่งศตวรรษกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นกับสมาชิกของครอบครัวหนึ่ง ใช่เพียงสะท้อนถึงปัญหาและชะตากรรมของผู้คนพลเมืองในดินแดนละตินอเมริกา หากยังช่วยให้ผู้อ่านแลเห็นเนื้อแท้ของเหตุการณ์ทางสังคม การเมือง ตลอดเรื่องราวอื่นๆ กระทั่งได้รับการชื่นชมสรรเสริญในฐานะมหากาพย์ร่วมสมัยที่เผยความเป็นไปของประเทศโลกที่สามได้อย่างถึงแก่น
"หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" คือบทพิสูจน์ถึงอำนาจของเรื่องเล่าอันทรงพลังอีกครั้งอย่างไม่มีข้อกังขา ส่งผลให้กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ กลายเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกคนของโลกตราบจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือนวนิยายที่ได้รับการลงความเห็นจากทุกสำนักทางวรรณกรรมมาแล้วให้เป็นหนังสือยอดเยี่ยมตลอดกาล