นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บินมาที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงใกล้กับประเทศไทยถือเป็นการส่งสัญญาณที่น่าเป็นห่วง
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามส่งสัญญาณเจรจา กปปส.ยืนยันว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อการเจรจาดังกล่าวต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และต้องไม่นำไปสู่การผลักดันกฎหมายล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง การเจรจาต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และต้องเจรจาอย่างเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามอ้างว่าได้ส่งตัวแทนพูดคุย เชื่อว่าเป็นแค่การพูดคุยธรรมดา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะเจรจานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้เสนอให้มีการเจรจาแบบ เปิดเผยตัวต่อตัวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่กลับถูกปฏิเสธไป จึงเชื่อว่าการเจรจาเป็นแค่วาทกรรมทำให้สังคมสับสนเท่านั้น
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้เลิกอาฆาตและปล่อยวาง แต่พฤติกรรมของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดกลับกระทำตรงกันข้าม ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเลิกอาฆาตจริงต้องเลิกปลุกปั่นมวลชนมาปะทะกับประชาชนที่ออกมาชุมนุม และเลิกใช้อิทธิพลบีบบังคับข้าราชการให้เป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ รวมทั้งไม่ควรให้เจ้าหน้าที่ออกมาข่มขู่คุกคามประชาชน ตอนนี้มีข่าวว่ามีการฝึกการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน พร้อมทั้งการใช้สุนัขปราบจลาจลภายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 1 ถนนวิภาวดี การฝึกปราบปรามมวลชนลักษณะนี้ทุกครั้งมักจะมีการใช้กำลังกับประชาชนเกิดขึ้น และควรให้ความเป็นธรรมกับประชาชนและสังคม โดยต้องยอมรับกฎกติกา เคารพการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาล ไม่สร้างเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชน รวมทั้งจับตัวผู้ที่กระทำผิดจากการทำร้ายประชาชนมาลงโทษ และต้องเลิกอ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะปล่อยวางต้องไม่ยึดติดอำนาจและควรเสียสละ และหากการลาออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถแก้ปัญหาชาติได้ควรดำเนินการ และจะเป็นการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรง แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าอยากให้ประชาชนเลิกอาฆาตแต่พยายามพูดหลอกประชาชน
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามส่งสัญญาณเจรจา กปปส.ยืนยันว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อการเจรจาดังกล่าวต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และต้องไม่นำไปสู่การผลักดันกฎหมายล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง การเจรจาต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และต้องเจรจาอย่างเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามอ้างว่าได้ส่งตัวแทนพูดคุย เชื่อว่าเป็นแค่การพูดคุยธรรมดา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะเจรจานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้เสนอให้มีการเจรจาแบบ เปิดเผยตัวต่อตัวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่กลับถูกปฏิเสธไป จึงเชื่อว่าการเจรจาเป็นแค่วาทกรรมทำให้สังคมสับสนเท่านั้น
ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้เลิกอาฆาตและปล่อยวาง แต่พฤติกรรมของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดกลับกระทำตรงกันข้าม ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเลิกอาฆาตจริงต้องเลิกปลุกปั่นมวลชนมาปะทะกับประชาชนที่ออกมาชุมนุม และเลิกใช้อิทธิพลบีบบังคับข้าราชการให้เป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ รวมทั้งไม่ควรให้เจ้าหน้าที่ออกมาข่มขู่คุกคามประชาชน ตอนนี้มีข่าวว่ามีการฝึกการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน พร้อมทั้งการใช้สุนัขปราบจลาจลภายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 1 ถนนวิภาวดี การฝึกปราบปรามมวลชนลักษณะนี้ทุกครั้งมักจะมีการใช้กำลังกับประชาชนเกิดขึ้น และควรให้ความเป็นธรรมกับประชาชนและสังคม โดยต้องยอมรับกฎกติกา เคารพการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาล ไม่สร้างเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชน รวมทั้งจับตัวผู้ที่กระทำผิดจากการทำร้ายประชาชนมาลงโทษ และต้องเลิกอ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะปล่อยวางต้องไม่ยึดติดอำนาจและควรเสียสละ และหากการลาออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถแก้ปัญหาชาติได้ควรดำเนินการ และจะเป็นการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรง แต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าอยากให้ประชาชนเลิกอาฆาตแต่พยายามพูดหลอกประชาชน
