นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่า การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับมาเป็นคู่กรณีเองเช่นนี้ จึงมิใช่คนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรม โดยตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ที่บัญญัติให้ไต่สวนคดีโดยเร็วและยึดหลักนิติธรรมนั้น ใช้กับบุคคลทุกกลุ่มในบรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่อยู่ในระดับบริหารด้วยกันอย่างเท่าเทียม หรือมีเงื่อนไขที่จะใช้กับบุคคล หรือคณะบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เท่าเทียมกันเท่านั้น เพราะหลายคดีไม่มีความคืบหน้า เช่น คดีสลายการชุมนุมที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เมื่อปี 2553 หรือคดีทุจริตอื่น ในปี 2553 ก็ไม่ปรากฏว่ามีความคืบหน้า
ขณะที่คดีของตนเองใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมข้อกล่าวหา ซึ่งมีหลายประเด็นที่อ้างว่ามีการทุจริตและมีความเสียหาย แต่เมื่อขอใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่ามีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง โดยขอรวบรวมพยานเอกสาร และพยานบุคคล ซึ่งมีระยะเวลา 15 วันที่ให้ไม่เพียงพอ แต่คำขอไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งนี้ เห็นว่าเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เหมือนไม่ใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี แต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาตนเอง กรรมการ ป.ป.ช. มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้องเที่ยงธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ เอกสารหลายรายการที่ ป.ป.ช.นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิง รวมถึงบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของนายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าตนเองต้องรับผิดนั้น ไม่ให้ตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่าไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้ เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดี ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ที่จะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่น ภายในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น
ขณะที่คดีของตนเองใช้เวลาเพียง 21 วัน ในการจัดเตรียมข้อกล่าวหา ซึ่งมีหลายประเด็นที่อ้างว่ามีการทุจริตและมีความเสียหาย แต่เมื่อขอใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองเพื่อตรวจสอบว่ามีพยานหลักฐานใดที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้ในการกล่าวหา หรือมีข้อสงสัยที่ไม่ชัดเจน เพื่อจะได้ชี้แจงได้ถูกต้อง โดยขอรวบรวมพยานเอกสาร และพยานบุคคล ซึ่งมีระยะเวลา 15 วันที่ให้ไม่เพียงพอ แต่คำขอไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งนี้ เห็นว่าเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เหมือนไม่ใช่คนกลางไต่สวนพิจารณาคดี แต่ถือเป็นคู่กรณีที่กล่าวหาตนเอง กรรมการ ป.ป.ช. มีการปฏิบัติต่อกันในการดำเนินคดีโดยถูกต้องเที่ยงธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ เอกสารหลายรายการที่ ป.ป.ช.นำไปใช้กล่าวอ้าง และพาดพิง รวมถึงบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจของนายวิชา มหาคุณ ที่อ้างว่าตนเองต้องรับผิดนั้น ไม่ให้ตรวจพยานหลักฐานก่อน เพื่อให้มีโอกาสชี้แจงให้ถูกต้องและตรงประเด็น แต่กลับอ้างว่าไม่สามารถให้ดูเอกสารหลักฐานได้ เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญกลัวจะเสียรูปคดี ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของดิฉันตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิคุ้มครอง ซึ่งได้รับเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก 49 แผ่น และในภายหลังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้รับเอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ที่จะต้องแก้ข้อกล่าวหาหลังได้รับเอกสารทั้ง 280 แผ่น ภายในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น
