นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า คปท. ได้รับการร้องเรียนจากแม่บุญธรรมของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ท็อป อายุ 24 ปี มือปืนป๊อปคอร์นจากเหตุปะทะที่แยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และฝ่าฝืน พ.ร.ก. เรื่องห้ามนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถาน เนื่องจากมีประเด็นในข้อสงสัยต่างๆ อาทิ เรื่องค่าจ้างการ์ดอาสาเวทีแจ้งวัฒนะ ที่ได้รับเพียง 300 บาท จะทำให้ก่อเหตุลักษณะนี้ได้เลยหรือไม่ รวมถึงประเภทอาวุธที่ใช้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่บุคคลธรรมจะดำเนินการได้ อีกทั้งไม่เคยได้ยินว่ามีการฝึกใช้อาวุธในพื้นที่ชุมนุมแต่ละเวทีตามที่เป็นข่าว เพราะในพื้นที่ชุมนุมก็มีสื่อมวลชน และมีสันติบาลแฝงตัวในพื้นที่อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ตนจึงมอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท. ไปรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อนส่งให้สภาทนายความ หรือกรรมการสิทธิมนุษญชนต่อไป
ส่วนกระบวนการการสอบสวนทางญาติผู้ต้องหามีความไม่มั่นใจ เพราะในเหตุการณ์วันนั้นมีการปกปิดใบหน้า แต่ยังสามารถจับกุมตัวมาได้ ซึ่งในทางอาญา การจับบุคคลต้องมีความชัดเจน และการแถลงข่าวก็น่าสงสัย เพราะผู้ต้องหามีการเดินที่ไม่ปกติ พนักงานจับกุมมีข้อสงสัย การเรียบเรียงประเด็นพูด คำให้การ เป็นจริงหรือไม่ และหลายอย่างขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ ที่มีความชัดเจนในส่วนของผู้ต้องหา ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ
ส่วนกระบวนการการสอบสวนทางญาติผู้ต้องหามีความไม่มั่นใจ เพราะในเหตุการณ์วันนั้นมีการปกปิดใบหน้า แต่ยังสามารถจับกุมตัวมาได้ ซึ่งในทางอาญา การจับบุคคลต้องมีความชัดเจน และการแถลงข่าวก็น่าสงสัย เพราะผู้ต้องหามีการเดินที่ไม่ปกติ พนักงานจับกุมมีข้อสงสัย การเรียบเรียงประเด็นพูด คำให้การ เป็นจริงหรือไม่ และหลายอย่างขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ ที่มีความชัดเจนในส่วนของผู้ต้องหา ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีเช่นเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ