อธิบดี DSI รับลูกงานถนัด ยัดคดีพิเศษ กปปส.ขวางเลือกตั้ง อ้างเกี่ยวพันกับคดีกบฏป่วนเมือง ไม่สนเมินทราบข้อกล่าวหา ชงอัยการขอหมายจับ พร้อมเล่นบทใจดีให้โอกาสมารับข้อหาก่อน 31 มี.ค. แจงรายงาน สตช. กปปส.มีคดีขวางเลือกตั้ง 194 คดี จนท.กกต.ละเว้นหน้าที่ 178 คดี แจงนโยบาย ศรส.จับผู้ทำผิด กม.จริงจัง แต่รายงานจับแต่กุมต้านรัฐ แถมยกมือปืนป็อปคอร์นมัด กปปส.ชุมนุมไม่สงบ
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถึงการดำเนินคดีพิเศษกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.รวม 58 คน ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆ ว่า คณะพนักงานสอบสวนจะได้นำเอาความผิดฐานร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งมารวมกับความผิดในคดีพิเศษดังกล่าว เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหา โดยถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน
นายธาริตกล่าวต่อว่า แม้ว่าการออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.อีกครั้งในสัปดาห์นี้จะไม่มีแกนนำ กปปส.มารับทราบข้อกล่าวหา แต่คณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษจะสรุปสำนวนคดีของแกนนำทั้ง 58 คนเสนอพนักงานอัยการภายใน 30 วันนับจากนี้ และเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา หากมีคนใดที่ยังไม่ได้ตัวเข้ามาในคดีก็จะดำเนินการขอศาลออกหมายจับต่อไป ซึ่งจะแตกต่างจากการขอออกหมายจับชั้นสอบสวน แต่เป็นการขอออกหมายจับชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกาถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ เป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะออกหมายจับให้
นายธาริตกล่าวว่า ดังนั้นการที่แกนนำ กปปส.ที่ถูกดำเนินคดีไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ต้องหา ศอ.รส.จึงแนะนำพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสแก่ผู้ต้องหาอีกครั้ง หากผู้ต้องหาคนใดต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้การต่อสู้คดี ขอให้ติดต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 08-1623-8410 เพื่อติดต่อนัดหมายก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการดังกล่าว ซึ่งควรนัดหมายก่อนวันที่ 31 มี.ค.นี้
นายธาริตกล่าวอีกว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส.กับพวกเมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ 1. คดี กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวม 194 คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 143 คดี 2. คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวม 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพฯ 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวม 193 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 152 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน
นายธาริตกล่าวว่า ศอ.รส.มีนโยบายในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ กปปส.หรือบุคคลอื่นใด ทั้งที่มีการออกหมายจับแล้ว และกำลังจะออกหมายจับ โดยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาทิ กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรม 26 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป พร้อมสำนวนการสอบสวน และความเห็นสมควรสั่งฟ้อง จากเหตุการณ์บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป หรือกรณีการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป็อปคอร์น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นต้น โดยเฉพาะกรณีของมือปืนป็อปคอร์นนั้นแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส.มิได้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธแต่อย่างใด ทั้งนี้ ศอ.รส.จะดูแลและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรอบคอบ และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย