นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีการยกเลิกจีทูจีข้าว 1.2 ล้านตันกับจีนว่า กรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่มีปัญหาด้านการค้าระหว่างไทยกับจีน ซึ่งมองว่ากรณีนี้ไม่ได้กระทบกับความเชื่อมั่น หรือภาพรวมการค้าระหว่างไทย-จีน
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนของจีน จะต้องมีความละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในการทำสัญญาต่างๆ เพราะต้องยอมรับว่า การทำธุรกิจกับจีนยังมีความเสี่ยงอยู่
นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ที่ดูแลการค้าในประเทศจีน กล่าวว่า การยกเลิกจีทูจีข้าว 1.2 ล้านตัน ไม่น่าจะกระทบกับการค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งบริษัทที่ทำการค้าอยู่แล้วมีความเชื่อมั่นสูง เพราะว่าการทำธุรกิจมายาวนาน แต่การทำธุรกิจกับจีนต้องมีสัญญาที่ละเอียดรอบคอบ ขณะเดียวกันมองว่า ในเรื่องข้าวทางจีนยังมีความต้องการอีกมาก แต่ว่าการบุกตลาดควรเป็นระดับมณฑลมากกว่า เนื่องจากขณะนี้รูปแบบการปกครอง และอำนาจได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งต้องอาศัยการทำตลาดที่เก่ง และชำนาญ เนื่องจากตอนนี้การซื้อสินค้าของจีนมีเปรียบเทียบราคา และคุณภาพมากขึ้น และที่สำคัญต้องมีการสร้างแบรนด์สินค้าที่ดีด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนของจีน จะต้องมีความละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในการทำสัญญาต่างๆ เพราะต้องยอมรับว่า การทำธุรกิจกับจีนยังมีความเสี่ยงอยู่
นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) ที่ดูแลการค้าในประเทศจีน กล่าวว่า การยกเลิกจีทูจีข้าว 1.2 ล้านตัน ไม่น่าจะกระทบกับการค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งบริษัทที่ทำการค้าอยู่แล้วมีความเชื่อมั่นสูง เพราะว่าการทำธุรกิจมายาวนาน แต่การทำธุรกิจกับจีนต้องมีสัญญาที่ละเอียดรอบคอบ ขณะเดียวกันมองว่า ในเรื่องข้าวทางจีนยังมีความต้องการอีกมาก แต่ว่าการบุกตลาดควรเป็นระดับมณฑลมากกว่า เนื่องจากขณะนี้รูปแบบการปกครอง และอำนาจได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งต้องอาศัยการทำตลาดที่เก่ง และชำนาญ เนื่องจากตอนนี้การซื้อสินค้าของจีนมีเปรียบเทียบราคา และคุณภาพมากขึ้น และที่สำคัญต้องมีการสร้างแบรนด์สินค้าที่ดีด้วย