ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ของยูเครน ขอ “ลาป่วยไม่มีกำหนด” อย่างที่ไม่เคยมีเค้าลางมาก่อนในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) หลังจากรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ประท้วงที่ถูกจับกุม ทว่า ฝ่ายค้านปฏิเสธร่างกฎหมายดังกล่าวทันทีพร้อมประกาศต่อสู้ต่อ เนื่องจากไม่พอใจที่มีการพ่วงเงื่อนไขมาด้วย ยิ่งกว่านั้น สถานการณ์ของยูเครนยิ่งทวีความซับซ้อนขึ้นอีก เมื่อ วลาดิมีร์ ปูติน ประมุขของรัสเซียตั้งข้อแม้ว่า ต้องขอดูโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ในกรุงเคียฟ ก่อนพิจารณาอัดฉีดเงินช่วยเหลือตามสัญญาที่เคยให้ไว้
คำแถลงจากเว็บไซต์ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า ยานูโควิช มีอาการของโรคระบบหายใจรุนแรงและไข้สูง แต่ไม่ได้ระบุว่า ประธานาธิบดีจะลาป่วยนานแค่ไหนหรือยังสามารถทำงานใดๆ ได้หรือไม่
ผู้นำยูเครนถูกกดดันมาตลอด 2 เดือนหลังนี้จากการประท้วงใหญ่ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่เขายกเลิกการกระชับสัมพันธ์กับสหภาพยุโรป (อียู) ที่เฝ้ารอกันมานาน และภายหลังจากนั้นการคัดค้านนี้ก็บานปลายเป็นการเรียกร้องให้ยานูโควิชลาออก แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงดำเนินการปลดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรง
ตลอดสัปดาห์นี้ ทางฝ่ายยานูโควิชได้แสดงให้เห็นถึงการอ่อนข้อและมีความพยายามแก้ไขวิกฤต เริ่มจากนายกรัฐมนตรีมืย์โคลา อาซารอฟ ลาออกพร้อมคณะรัฐมนตรี ตามด้วยรัฐสภาอนุมัติยกเลิกกฎหมายห้ามการประท้วงทั้งที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบไปเมื่อกลางเดือน แล้วล่าสุดเมื่อวันพุธ (29) รัฐสภายังอนุมัติการนิรโทษกรรมผู้ประท้วงบางส่วนที่ถูกจับกุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ประท้วงต้องคืนถนนและสถานที่ราชการที่ยึดไว้ทั่วประเทศ แต่ไม่รวมอาคารหลายแห่งในกรุงเคียฟที่ผู้ชุมนุมใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการ รวมทั้งใช้เป็นที่พักพิงจากอุณหภูมิติดลบถึง 20 องศาในช่วงกลางคืน ทั้งนี้กฎหมายระบุอย่างชัดเจนว่าการคืนถนนและสถานที่ราชการนี้ต้องกระทำภายในเวลา 15 วันนับแต่ที่กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้
พรรครีเจียนส์ ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เทคะแนนให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ หลังจากประชุมลับกับยานูโควิช ซึ่งมีรายงานว่า ผู้นำยูเครนขู่ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งก่อนกำหนด หากบรรดาสส.ไม่ยกมือสนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
ทว่า ฝ่ายค้านตัดสินใจงดออกเสียง เนื่องจากไม่พอใจที่มีการพ่วงเงื่อนไขดังกล่าวและประกาศประท้วงต่อ
โอเลก ทิแยกไนบ็อก หัวหน้าพรรคสโวโบดาซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่า สภากำลังใช้นักเคลื่อนไหวที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันเพื่อบีบให้ผู้ประท้วงยอมคืนสถานที่ราชการให้รัฐบาล ซึ่งถือเป็นการกระทำเยี่ยงผู้ก่อการร้ายจึงเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุด ผู้ประท้วงยังคงปักหลักอยู่ในบริเวณจัตุรัสเอกราช กลางกรุงเคียฟอย่างหนาแน่น รวมถึงยึดสถานที่ราชการหลายแห่งที่รวมถึงศาลาว่าการนครเคียฟ
คำแถลงจากเว็บไซต์ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า ยานูโควิช มีอาการของโรคระบบหายใจรุนแรงและไข้สูง แต่ไม่ได้ระบุว่า ประธานาธิบดีจะลาป่วยนานแค่ไหนหรือยังสามารถทำงานใดๆ ได้หรือไม่
ผู้นำยูเครนถูกกดดันมาตลอด 2 เดือนหลังนี้จากการประท้วงใหญ่ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่เขายกเลิกการกระชับสัมพันธ์กับสหภาพยุโรป (อียู) ที่เฝ้ารอกันมานาน และภายหลังจากนั้นการคัดค้านนี้ก็บานปลายเป็นการเรียกร้องให้ยานูโควิชลาออก แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงดำเนินการปลดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรง
ตลอดสัปดาห์นี้ ทางฝ่ายยานูโควิชได้แสดงให้เห็นถึงการอ่อนข้อและมีความพยายามแก้ไขวิกฤต เริ่มจากนายกรัฐมนตรีมืย์โคลา อาซารอฟ ลาออกพร้อมคณะรัฐมนตรี ตามด้วยรัฐสภาอนุมัติยกเลิกกฎหมายห้ามการประท้วงทั้งที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบไปเมื่อกลางเดือน แล้วล่าสุดเมื่อวันพุธ (29) รัฐสภายังอนุมัติการนิรโทษกรรมผู้ประท้วงบางส่วนที่ถูกจับกุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ประท้วงต้องคืนถนนและสถานที่ราชการที่ยึดไว้ทั่วประเทศ แต่ไม่รวมอาคารหลายแห่งในกรุงเคียฟที่ผู้ชุมนุมใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการ รวมทั้งใช้เป็นที่พักพิงจากอุณหภูมิติดลบถึง 20 องศาในช่วงกลางคืน ทั้งนี้กฎหมายระบุอย่างชัดเจนว่าการคืนถนนและสถานที่ราชการนี้ต้องกระทำภายในเวลา 15 วันนับแต่ที่กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้
พรรครีเจียนส์ ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เทคะแนนให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ หลังจากประชุมลับกับยานูโควิช ซึ่งมีรายงานว่า ผู้นำยูเครนขู่ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งก่อนกำหนด หากบรรดาสส.ไม่ยกมือสนับสนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
ทว่า ฝ่ายค้านตัดสินใจงดออกเสียง เนื่องจากไม่พอใจที่มีการพ่วงเงื่อนไขดังกล่าวและประกาศประท้วงต่อ
โอเลก ทิแยกไนบ็อก หัวหน้าพรรคสโวโบดาซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านโจมตีว่า สภากำลังใช้นักเคลื่อนไหวที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันเพื่อบีบให้ผู้ประท้วงยอมคืนสถานที่ราชการให้รัฐบาล ซึ่งถือเป็นการกระทำเยี่ยงผู้ก่อการร้ายจึงเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุด ผู้ประท้วงยังคงปักหลักอยู่ในบริเวณจัตุรัสเอกราช กลางกรุงเคียฟอย่างหนาแน่น รวมถึงยึดสถานที่ราชการหลายแห่งที่รวมถึงศาลาว่าการนครเคียฟ