นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการพูดคุยกับแกนนำระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ได้คุยกับผู้นำระดับสูงมากของพรรคประชาธิปัตย์ ประเด็นที่หารือกันคือความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งได้ภาพตรงกับที่คุยกับฝ่ายรัฐบาลว่า หากไม่ดำเนินการใดๆ อาจนำไปสู่ปัญหาข้อขัดข้องในการเลือกตั้ง รุนแรงไปถึงขนาดว่าจะมีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งในหลายประเด็น ทำให้เราได้มุมมองในการคิดว่าอาจจะต้องรอบคอบมากขึ้นในการจัดการเลือกตั้ง
ส่วนข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ยังแตกต่างจากข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย แต่มีบางเรื่องที่เราคิดว่าหากมีการพูดคุยกันหลายครั้งอาจจะนำไปสู่การปรับเข้าหากันได้ เพราะบางเรื่องที่เป็นความกังวลใจ ของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็มีข้อเสนอคลายความกังวลใจในปัญหา ซึ่งตนคิดว่าน่าจะปรับเข้าหากันได้ จุดที่ยังไม่สามารถตอบคำถามได้คือ ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์จะนำไปสู่การทำให้สังคมสงบได้หรือไม่ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับ กปปส. ดังนั้นจำเป็นต้องคุยกับ กปปส.ก่อน เพื่อลองดูว่าหลังจากมีข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งมีบางส่วนแตกต่างกัน บางส่วนคล้ายคลึงกัน ต้องสามารถปรับเข้าหากันได้ก่อน ส่วน กปปส.จะพร้อมพูดคุยจนนำไปสู่ออกได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถนัดคุยกับ กปปส.ได้
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ซีกการเมืองทั้งหมดจะมาพูดคุยกันและสร้างชุดข้อเสนอที่ลงตัว โดยเป็นการปรับในฝ่ายการเมืองและนำเสนอต่อสังคม และ กปปส.ถ้ายอมรับได้ก็จะเป็นสถานการณ์ที่สงบ ซึ่งมีแนวโน้มว่าฝ่ายการเมืองจะปรับเข้าหากันได้ เพียงแต่ กปปส. ต้องเปิดโอกาสให้เกิดการพูดคุยกัน แม้ กปปส.จะคิดต่างสุดขั้ว หากไม่คุยก็จะไม่สามารถปรับเข้าหากันได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ กปปส.ยอมรับนัดจาก กกต. เพื่อให้เห็นว่า กปปส.หวังดีต่อบ้านเมืองเหมือนกลุ่มอื่นๆ
ส่วนสาเหตุที่ กปปส.ยังไม่รับนัดพูดคุยกับ กกต.นั้น นายสมชัย กล่าวว่า กปปส.อาจจะมีแนวทางดำเนินการอยู่แล้ว อาจจะไม่อยากเปลี่ยนแนวทาง ซึ่งแนวทางดังกล่าวอาจชนะก็ได้ แต่การชนะจะเกิดการสูญเสีย ไม่ใช่การชนะที่สังคมได้ ตนขอสื่อไปว่าถ้าชนะแต่ชนะบนซากปรักหักพังมันไม่คุ้ม ดังนั้นก็ลดการชนะลงให้น้อยลงหน่อย อาจได้สัก 30-40% แต่สังคมเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นคู่ความขัดแย้งจะชนะฝ่ายเดียวไม่ได้ ต่อข้อถามว่าทำไมไม่ให้ทางพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนนัดให้ นายสมชัย กล่าวว่า ตนพูดไปแล้ว แต่เขาบอกว่า แกนนำ กปปส.มีตัวตนสูง
ส่วนข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ยังแตกต่างจากข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย แต่มีบางเรื่องที่เราคิดว่าหากมีการพูดคุยกันหลายครั้งอาจจะนำไปสู่การปรับเข้าหากันได้ เพราะบางเรื่องที่เป็นความกังวลใจ ของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็มีข้อเสนอคลายความกังวลใจในปัญหา ซึ่งตนคิดว่าน่าจะปรับเข้าหากันได้ จุดที่ยังไม่สามารถตอบคำถามได้คือ ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์จะนำไปสู่การทำให้สังคมสงบได้หรือไม่ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกับ กปปส. ดังนั้นจำเป็นต้องคุยกับ กปปส.ก่อน เพื่อลองดูว่าหลังจากมีข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งมีบางส่วนแตกต่างกัน บางส่วนคล้ายคลึงกัน ต้องสามารถปรับเข้าหากันได้ก่อน ส่วน กปปส.จะพร้อมพูดคุยจนนำไปสู่ออกได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถนัดคุยกับ กปปส.ได้
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ซีกการเมืองทั้งหมดจะมาพูดคุยกันและสร้างชุดข้อเสนอที่ลงตัว โดยเป็นการปรับในฝ่ายการเมืองและนำเสนอต่อสังคม และ กปปส.ถ้ายอมรับได้ก็จะเป็นสถานการณ์ที่สงบ ซึ่งมีแนวโน้มว่าฝ่ายการเมืองจะปรับเข้าหากันได้ เพียงแต่ กปปส. ต้องเปิดโอกาสให้เกิดการพูดคุยกัน แม้ กปปส.จะคิดต่างสุดขั้ว หากไม่คุยก็จะไม่สามารถปรับเข้าหากันได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ กปปส.ยอมรับนัดจาก กกต. เพื่อให้เห็นว่า กปปส.หวังดีต่อบ้านเมืองเหมือนกลุ่มอื่นๆ
ส่วนสาเหตุที่ กปปส.ยังไม่รับนัดพูดคุยกับ กกต.นั้น นายสมชัย กล่าวว่า กปปส.อาจจะมีแนวทางดำเนินการอยู่แล้ว อาจจะไม่อยากเปลี่ยนแนวทาง ซึ่งแนวทางดังกล่าวอาจชนะก็ได้ แต่การชนะจะเกิดการสูญเสีย ไม่ใช่การชนะที่สังคมได้ ตนขอสื่อไปว่าถ้าชนะแต่ชนะบนซากปรักหักพังมันไม่คุ้ม ดังนั้นก็ลดการชนะลงให้น้อยลงหน่อย อาจได้สัก 30-40% แต่สังคมเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นคู่ความขัดแย้งจะชนะฝ่ายเดียวไม่ได้ ต่อข้อถามว่าทำไมไม่ให้ทางพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนนัดให้ นายสมชัย กล่าวว่า ตนพูดไปแล้ว แต่เขาบอกว่า แกนนำ กปปส.มีตัวตนสูง