กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ สืบเนื่องจากการชุมนุมของพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมากมาย เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของพี่น้องทั่วประเทศ โดยรัฐบาลเห็นว่าการชุมนุมของพี่น้องประชาชนโดยสงบและสันติ ปราศจากอาวุธนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสงบ มิได้ดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการกีดกั้น ขัดขวาง หรือลิดรอนสิทธิเหล่านั้น หรือใช้ความรุนแรงที่เกินขอบเขต หรือเกินกว่ามาตรฐานสากล
การดำเนินการของรัฐบาลที่รัฐบาลที่ผ่านมา ได้ดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม และยึดมั่นในการปฏิบัติที่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายมาโดยตลอด เป็นการปฏิบัติการตามหลักสากล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนได้ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แม้จะถูกยั่วยุ ดูหมิ่น หรือแม้กระทั่งโดนทำร้าย แต่ตรงกันข้ามกับการชุมนุมของผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้น ซึ่งได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การชุมนุมครั้งนี้ของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น มีการกระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายหลายมาตรา ต่างกรรมต่างวาระ อาทิ การเข้ายึดสถานที่และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ลักทรัพย์ พกพาอาวุธโดยมิได้รับอนุญาต รวมถึงมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและสร้างความปั่นป่วนขึ้นในสังคม เช่น การทำร้ายร่างกาย และเจตนาฆ่าผู้อื่น จนมีผู้เสียชีวิต การกระทำที่ละเมิดและลิดรอนสิทธิเสรีภาพต่อผู้อื่น โดยการเข้าขัดขวางการรับสมัครการเลือกตั้ง การห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าสมัครรับเลือกตั้ง การปิดถนน การกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ท้าทาย ยั่วยุ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
และล่าสุดนี้ ได้ปรากฏการกระทำของผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอยู่ที่สนามกีฬาเวสน์ ดินแดง ที่ได้เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ขั้นตอนการรับสมัคร และการจับหมายเลข ได้สิ้นสุดไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยแกนนำไม่ได้พยายามยุติการชุมนุม ทั้งที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่อีกแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโดนกระสุนปืนเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและสันติ ปราศจากอาวุธ แต่เป็นการใช้กองกำลังติดอาวุธ พยายามฆ่า และมีเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะทำการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีฐานความผิดอย่างร้ายแรง และก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยปราศจากขอบเขต ฝ่าฝืนต่อกฎหมายบ้านเมืองโดยเจตนา โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่อัตราโทษสูง
การชุมนุมในลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบอีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่ตัวการและผู้กระทำผิดไม่ได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ และขณะนี้ก็ได้มีหมายจับแกนนำบางคนเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำทุกคน ที่มีพฤติกรรมยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม และสั่งการ ให้มีผู้กระทำความผิดดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นตัวการที่้ต้องรับผิดชอบในการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น และต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
ผมจึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ทราบ และขอยืนยันว่า การเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีขอบเขตตามกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น หากการชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมาย และมีการใช้ความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้วนั้น ก็ถือว่าท่านเป็นผู้ร่วมกระทำผิดต่อกฎหมาย และสนับสนุนให้มีการกระทำผิดต่อกฎหมาย หรือตัวการร่วม ซึ่งมีโทษทางกฎหมายเช่นเดียวกับตัวการ
รัฐบาลมีหน้าที่รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องทุกๆ คน ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองร่วมกันต่อไป
การดำเนินการของรัฐบาลที่รัฐบาลที่ผ่านมา ได้ดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม และยึดมั่นในการปฏิบัติที่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายมาโดยตลอด เป็นการปฏิบัติการตามหลักสากล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนได้ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แม้จะถูกยั่วยุ ดูหมิ่น หรือแม้กระทั่งโดนทำร้าย แต่ตรงกันข้ามกับการชุมนุมของผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้น ซึ่งได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การชุมนุมครั้งนี้ของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น มีการกระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายหลายมาตรา ต่างกรรมต่างวาระ อาทิ การเข้ายึดสถานที่และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ลักทรัพย์ พกพาอาวุธโดยมิได้รับอนุญาต รวมถึงมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและสร้างความปั่นป่วนขึ้นในสังคม เช่น การทำร้ายร่างกาย และเจตนาฆ่าผู้อื่น จนมีผู้เสียชีวิต การกระทำที่ละเมิดและลิดรอนสิทธิเสรีภาพต่อผู้อื่น โดยการเข้าขัดขวางการรับสมัครการเลือกตั้ง การห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าสมัครรับเลือกตั้ง การปิดถนน การกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ท้าทาย ยั่วยุ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
และล่าสุดนี้ ได้ปรากฏการกระทำของผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอยู่ที่สนามกีฬาเวสน์ ดินแดง ที่ได้เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ขั้นตอนการรับสมัคร และการจับหมายเลข ได้สิ้นสุดไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยแกนนำไม่ได้พยายามยุติการชุมนุม ทั้งที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่อีกแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโดนกระสุนปืนเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและสันติ ปราศจากอาวุธ แต่เป็นการใช้กองกำลังติดอาวุธ พยายามฆ่า และมีเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะทำการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีฐานความผิดอย่างร้ายแรง และก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยปราศจากขอบเขต ฝ่าฝืนต่อกฎหมายบ้านเมืองโดยเจตนา โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่อัตราโทษสูง
การชุมนุมในลักษณะที่เกิดขึ้นนี้ ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบอีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่ตัวการและผู้กระทำผิดไม่ได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ และขณะนี้ก็ได้มีหมายจับแกนนำบางคนเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำทุกคน ที่มีพฤติกรรมยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม และสั่งการ ให้มีผู้กระทำความผิดดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นตัวการที่้ต้องรับผิดชอบในการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น และต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
ผมจึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ทราบ และขอยืนยันว่า การเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีขอบเขตตามกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น หากการชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมาย และมีการใช้ความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้วนั้น ก็ถือว่าท่านเป็นผู้ร่วมกระทำผิดต่อกฎหมาย และสนับสนุนให้มีการกระทำผิดต่อกฎหมาย หรือตัวการร่วม ซึ่งมีโทษทางกฎหมายเช่นเดียวกับตัวการ
รัฐบาลมีหน้าที่รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องทุกๆ คน ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองร่วมกันต่อไป
