นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ 90.2 ลดลงจาก 92.8 ในเดือนตุลาคม 2556 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ที่ไทยเผชิญปัญหามหาอุทกภัย ส่วนความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ 101.4 จาก 102.4
โดยดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต่างกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจชัดเจน ทำให้กำลังซื้อโดยรวมของประเทศอ่อนแอลง เห็นได้จากคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมที่ปรับตัวลดลง ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองให้ยุติโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ยังประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง ทำให้การขยายการลงทุนของกิจการต้องชะลอลงไปด้วย
นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า สภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นและมีความกังวลมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่กังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลก ยังอยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐคือ ต้องการให้ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมสถาบันการเงินของรัฐในการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยส่งเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สู่ระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมาก ผนวกกับเร่งปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
โดยดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต่างกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจชัดเจน ทำให้กำลังซื้อโดยรวมของประเทศอ่อนแอลง เห็นได้จากคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมที่ปรับตัวลดลง ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองให้ยุติโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ยังประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง ทำให้การขยายการลงทุนของกิจการต้องชะลอลงไปด้วย
นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า สภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นและมีความกังวลมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่กังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลก ยังอยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐคือ ต้องการให้ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมสถาบันการเงินของรัฐในการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยส่งเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สู่ระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมาก ผนวกกับเร่งปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
