"เรืองไกร" ดิ้นสู้ศาล รธน.หนีเกมเชือดเหมาเข่ง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ส.สรรหา ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ขอให้ตรวจสอบผลผูกพันตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 ว่าจะเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันที่นำไปปฏิบัติได้หรือไม่ และจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ทั้ง 3 วาระ ต้องถูกถอดถอนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 และถูกดำเนินคดีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 275 อย่างถ้วนหน้ากันหรือไม่ เนื่องจากตามคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 มีการยื่นคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสองด้วย เมื่อพิจารณาคำวินิจฉัยดังกล่าวกลับไม่มีคำสั่งตามมาตรา 68 วรรคสองแต่อย่างใด คือคำร้องไปทางหนึ่ง แต่คำวินิจฉัยกลับออกไปอีกทาง กรณีนี้จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบของศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 197 ผลของคำวินิจฉัยที่ 15-18/2556 จึงมีปัญหาตามมาว่า ไม่มีผลเป็นเด็ดขาดที่จะผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรคห้า ได้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อมีผู้นำผลคำวินิจฉัยดังกล่าวไปร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกร้องและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่ง ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้โดยเร็วนั้น หากพิจารณาโดยเชื่อตามคำวินิจฉัยดังกล่าว มีประเด็นเพิ่มเติมตามว่าผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมอยู่ในกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว น่าจะรวมตั้งแต่กระบวนการพิจารณาวาระ 1-3 ดังนั้น ผู้ที่จะต้องถูก ป.ป.ช.ไต่สวน จึงต้องรวมถึงสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและลงมติทั้ง 3 วาระด้วย จึงเป็นกรณีที่ ป.ป.ช. ต้องนำไปรวมพิจารณาไต่สวนเช่นกัน ดังนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 จึงควรเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271 วรรคสอง ร้องขอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 274 ด้วยเช่นกัน