วันนี้ (26 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.961/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย นายสุขสันต์ หรือจตุชัย ชัยเทศ อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 และ 11 กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 2-7 มีนาคม2549 พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้ร่วมกับนายชวการ จ้างวานให้นายอมรวิทย์ ซึ่งเป็นพนักงาน กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยมอบเงินค่าตอบแทนจำนวน 30,000 บาท เพื่อให้ดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อ ข้อมูลสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทยที่ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดให้มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งได้
อย่างไรก็ตามวันนี้ นายชวการ จำเลยที่ 3 ไม่ได้เดินทางมาศาลเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากเดิมที่นัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 เนื่องจากไม่สามารถส่งหมายให้กับจำเลยที่ 3 ได้ เพราะบ้านรื้อถอน
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าน่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายชวการจำเลยที่ 3 มาเพื่อฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ โดยศาลนัดให้จำเลยทั้งหมดมาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง ในวันที่ 7 มกราคม 2557 เวลา 09.00 น.
ภายหลังการเลื่อนอ่านคำพิพากษา พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ว่า ภาวนาอย่าให้คนไทยมาปะทะกัน เพราะสถานการณ์ขณะนี้ถึงจุดที่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะความแตกแยกมันสูงแล้ว
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ว่า จำเลยที่ 1, 3, 4, 5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร ฯ มาตรา 11 ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ขณะที่นายอมรวิทย์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. มีความผิดตาม มาตรา 6 ให้จำคุก 5 ปี และให้ริบเงินสดของกลางจำนวน 30,000 บาท
อย่างไรก็ตามวันนี้ นายชวการ จำเลยที่ 3 ไม่ได้เดินทางมาศาลเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากเดิมที่นัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2556 เนื่องจากไม่สามารถส่งหมายให้กับจำเลยที่ 3 ได้ เพราะบ้านรื้อถอน
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าน่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายชวการจำเลยที่ 3 มาเพื่อฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ โดยศาลนัดให้จำเลยทั้งหมดมาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง ในวันที่ 7 มกราคม 2557 เวลา 09.00 น.
ภายหลังการเลื่อนอ่านคำพิพากษา พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ว่า ภาวนาอย่าให้คนไทยมาปะทะกัน เพราะสถานการณ์ขณะนี้ถึงจุดที่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะความแตกแยกมันสูงแล้ว
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ว่า จำเลยที่ 1, 3, 4, 5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร ฯ มาตรา 11 ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ขณะที่นายอมรวิทย์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. มีความผิดตาม มาตรา 6 ให้จำคุก 5 ปี และให้ริบเงินสดของกลางจำนวน 30,000 บาท
