นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกเวทีชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เปิดเผยว่า มติมวลชน และแกนนำที่ร่วมชุมนุม มีมติตรงกันว่าจะยกระดับเป้าหมายการชุมนุมด้วยการขจัดระบอบทักษิณให้หมดไปจากประเทศไทย ด้วยมาตรการ 4 ข้อ คือ 1.เข้าชื่อคัดค้านถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 310 คน ที่สนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรม ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิด ล่าสุด การเข้าชื่อจากประชาชนมีจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ทางแกนนำต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้ทางรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้ามมาโจมตีโต้แย้งได้ โดยในจุดที่ให้เข้าชื่อจะมีการตั้งกล้องเพื่อบันทึกภาพผู้เข้าชื่อไว้ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นตัวจริง
2.ต่อต้านสินค้า ผลิตภัณฑ์ ของบริษัทในเครือระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกเราไม่ได้จะทำธุรกิจแข่ง แต่กลุ่มบริษัทเหล่านี้เป็นพวกได้รับผลประโยชน์จากทักษิณ และเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากประชาชน เพื่อนำเงินเข้าไปสู่ระบอบทักษิณอีก 3.การร่วมกันแสดงออกเพื่อให้รู้ว่ามีความรังเกียจเดียดฉันท์กับผู้คนที่อยู่ในระบอบทักษิณ ทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นต้น ด้วยวิธีอารยะชนพึงปฏิบัติ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นลิ่วล้อของทักษิณ และร่วมกันฉ้อฉลประเทศชาติ และ 4.จะรวมพลังมวลชนให้ได้ 1 ล้านคน เมื่อถึงวันนั้นแล้วจะยกระดับการชุมนุมขั้นสูงสุด ดึงข้าราชการที่อยู่ระบอบทักษิณ ให้กลับมาเป็นข้าราชการของประชาชน โดยมาตรการสุดท้ายจะทำให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และแกนนำมีความเชื่อมั่นว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน
นายเอกนัฏ กล่าวว่า รัฐบาลกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมรวมถึงแกนนำว่ามีความอ่อนแอลง ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง สังเกตได้จากวันที่ประกาศจะตั้งศาลประชาชน มีคนมาร่วมชุมนุมกับเราเกือบ 2 แสนคน และล่าสุดที่ประกาศยกระดับก็มีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ขอยืนยันว่าพวกเราแรงดี แรงไม่มีตก ขอให้รัฐบาลหยุดบิดเบือนความจริงด้วย
นอกจากนี้ นายเอกนัฎ กล่าวอีกว่า ในส่วนกรณีที่การ์ดเวทีไปทำร้ายตำรวจนั้น ข้อเท็จจริงคือการ์ดไปพบบุคคลต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน และไม่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจหรือเป็นใคร อีกทั้งยังพกปืนอีกด้วย การ์ดก็พยายามจะเจรจาเข้าไปพูดคุย และให้มาลงบันทึกหมายเหตุไว้ที่เต็นท์อำนวยการดูแลความเรียบร้อยของเวที แต่ชายทั้งสองที่มาทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจกลับขัดขืน ไม่ยินยอม กระทั่งมีเหตุกระทบกระทั่งทำร้ายกัน
ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า หากตำรวจจะเข้ามาดูแลประชาชน ทำไมไม่แสดงตัว แต่ยังมาพกอาวุธอีก ก็ต้องเข้าใจการ์ดด้วย เพราะต้องดูแลประชาชน แต่หากตำรวจต้องการดำเนินคดีก็ให้ประสานมายังเวทีได้ อีกทั้ง ขอบอกไว้ว่าเรายินดีให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลประชาชนผู้ชุมนุมร่วมกัน แต่ขอให้มาแสดงตัวอย่างถูกต้อง ไม่ใช่มาหลบๆ ซ่อนๆ หากตำรวจจะเข้ามาดำเนินคดีกับการ์ดผู้ชุมนุมเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเหตุทำร้ายตำรวจเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางเวทีก็ยินดีจะประสานติดต่อให้ทันที ขอเพียงแต่แจ้งความจำนงมา และขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง
2.ต่อต้านสินค้า ผลิตภัณฑ์ ของบริษัทในเครือระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกเราไม่ได้จะทำธุรกิจแข่ง แต่กลุ่มบริษัทเหล่านี้เป็นพวกได้รับผลประโยชน์จากทักษิณ และเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากประชาชน เพื่อนำเงินเข้าไปสู่ระบอบทักษิณอีก 3.การร่วมกันแสดงออกเพื่อให้รู้ว่ามีความรังเกียจเดียดฉันท์กับผู้คนที่อยู่ในระบอบทักษิณ ทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นต้น ด้วยวิธีอารยะชนพึงปฏิบัติ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นลิ่วล้อของทักษิณ และร่วมกันฉ้อฉลประเทศชาติ และ 4.จะรวมพลังมวลชนให้ได้ 1 ล้านคน เมื่อถึงวันนั้นแล้วจะยกระดับการชุมนุมขั้นสูงสุด ดึงข้าราชการที่อยู่ระบอบทักษิณ ให้กลับมาเป็นข้าราชการของประชาชน โดยมาตรการสุดท้ายจะทำให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และแกนนำมีความเชื่อมั่นว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน
นายเอกนัฏ กล่าวว่า รัฐบาลกล่าวหากลุ่มผู้ชุมนุมรวมถึงแกนนำว่ามีความอ่อนแอลง ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง สังเกตได้จากวันที่ประกาศจะตั้งศาลประชาชน มีคนมาร่วมชุมนุมกับเราเกือบ 2 แสนคน และล่าสุดที่ประกาศยกระดับก็มีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ขอยืนยันว่าพวกเราแรงดี แรงไม่มีตก ขอให้รัฐบาลหยุดบิดเบือนความจริงด้วย
นอกจากนี้ นายเอกนัฎ กล่าวอีกว่า ในส่วนกรณีที่การ์ดเวทีไปทำร้ายตำรวจนั้น ข้อเท็จจริงคือการ์ดไปพบบุคคลต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน และไม่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจหรือเป็นใคร อีกทั้งยังพกปืนอีกด้วย การ์ดก็พยายามจะเจรจาเข้าไปพูดคุย และให้มาลงบันทึกหมายเหตุไว้ที่เต็นท์อำนวยการดูแลความเรียบร้อยของเวที แต่ชายทั้งสองที่มาทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจกลับขัดขืน ไม่ยินยอม กระทั่งมีเหตุกระทบกระทั่งทำร้ายกัน
ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า หากตำรวจจะเข้ามาดูแลประชาชน ทำไมไม่แสดงตัว แต่ยังมาพกอาวุธอีก ก็ต้องเข้าใจการ์ดด้วย เพราะต้องดูแลประชาชน แต่หากตำรวจต้องการดำเนินคดีก็ให้ประสานมายังเวทีได้ อีกทั้ง ขอบอกไว้ว่าเรายินดีให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลประชาชนผู้ชุมนุมร่วมกัน แต่ขอให้มาแสดงตัวอย่างถูกต้อง ไม่ใช่มาหลบๆ ซ่อนๆ หากตำรวจจะเข้ามาดำเนินคดีกับการ์ดผู้ชุมนุมเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเหตุทำร้ายตำรวจเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางเวทีก็ยินดีจะประสานติดต่อให้ทันที ขอเพียงแต่แจ้งความจำนงมา และขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง