กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุในรายงานทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจประจำปีของไทยว่า ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนโครงการรับจำนำข้าว การขาดทุนจะมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเชื่อมั่นภาคการเงินไทยลดน้อยลงด้วย เพราะรัฐบาลไทยจะไม่สามารถทำให้งบประมาณสมดุลตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ซึ่งการที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณไปกับนโยบายประชานิยม จะยิ่งเป็นอันตรายต่อความพยายามในการจัดสรรงบประมาณ โดยอาจขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ส่วนหนี้สาธารณะอาจเพิ่มขึ้นเป็น 53 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ภายในปลายปี 2561
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรตรวจสอบธนาคารของรัฐ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงทางการเงินมากขึ้นด้วย
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ของประเทศไทยให้รอบด้าน ก่อนที่จะมีการนำเสนอหรือแนะนำ การทบทวนนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเปลี่ยนเป็นการชดเชยราคาสินค้าให้แก่เกษตรกรแทนนั้น ต้องศึกษาว่าเหมาะสมกว่าแนวทางเดิมหรือไม่ แต่แนวทางปฏิบัติรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาเอง
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรตรวจสอบธนาคารของรัฐ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงทางการเงินมากขึ้นด้วย
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ของประเทศไทยให้รอบด้าน ก่อนที่จะมีการนำเสนอหรือแนะนำ การทบทวนนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเปลี่ยนเป็นการชดเชยราคาสินค้าให้แก่เกษตรกรแทนนั้น ต้องศึกษาว่าเหมาะสมกว่าแนวทางเดิมหรือไม่ แต่แนวทางปฏิบัติรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาเอง
