นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงว่า สืบเนื่องจากวานนี้ (28 ต.ค.) สำนักงานอัยการสูงสุด หรือ อสส. แถลงถึงการพิจารณาสำนวนคดีพิเศษกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีคำสั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธและกระสุนเกินความจำเป็น ในการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) เมื่อปี พ.ศ.2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ว่า คดีนี้อัยการสูงสุดมีความเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว แม้จะออกคำสั่งในเวลาต่างกัน ในพื้นที่ต่างกัน และผลจากการกระทำจะมีผู้เสียชีวิตต่างเวลาและสถานที่กันก็ตาม แต่ถือเป็นเจตนาเดียวกันเพื่อสลายการชุมนุม
นายธาริต กล่าวว่า ส่วนคณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอยังคงความเห็นว่า จะเดินหน้าดำเนินคดีนี้ โดยแยกเป็นรายคดีไป เว้นแต่เหตุการณ์ในเวลาและสถานที่เดียวกัน จึงจะรวมสำนวนเป็น 1 คดี โดยเฉพาะคดีพยายามฆ่าคนตาย มีผู้เสียหายมากประมาณ 1,000 คน ซึ่งจะต้องเคารพในสิทธิของผู้เสียหาย หรือได้รับบาดเจ็บ ที่มาร้องทุกข์เป็นรายคดี และหากการไต่ส่วนของศาลในเหตุ และพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้ตายแต่ละรายยังไม่เสร็จสิ้น การสั่งคดีเช่นนี้อาจกระทบอำนาจศาลที่อยู่ระหว่างไต่สวนได้
นายธาริต กล่าวว่า ส่วนคณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอยังคงความเห็นว่า จะเดินหน้าดำเนินคดีนี้ โดยแยกเป็นรายคดีไป เว้นแต่เหตุการณ์ในเวลาและสถานที่เดียวกัน จึงจะรวมสำนวนเป็น 1 คดี โดยเฉพาะคดีพยายามฆ่าคนตาย มีผู้เสียหายมากประมาณ 1,000 คน ซึ่งจะต้องเคารพในสิทธิของผู้เสียหาย หรือได้รับบาดเจ็บ ที่มาร้องทุกข์เป็นรายคดี และหากการไต่ส่วนของศาลในเหตุ และพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้ตายแต่ละรายยังไม่เสร็จสิ้น การสั่งคดีเช่นนี้อาจกระทบอำนาจศาลที่อยู่ระหว่างไต่สวนได้
