นักผจญเพลิงประสบความสำเร็จในการรวมไฟป่าสองจุด บริเวณใกล้ๆ นครซิดนีย์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ก่อนที่มันจะลามไปรวมกันเองและบวกเข้ากับไฟป่าใหญ่จุดที่สาม ซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็น “ไฟนรก” ที่เกินกว่าจะควบคุม ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็นตอกนายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้ โดยชี้ว่าไฟป่าออสซี่กับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศมีความเกี่ยวโยงกันอย่างแท้จริง พร้อมเตือนว่านโยบายการยกเลิกภาษีคาร์บอนอาจส่งผลเสียหายในระยะยาว
ทีมนักผจญเพลิงหลายพันคนที่ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัคร ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในเขตป่าทางด้านตะวันตกของซิดนีย์ เพื่อพยายามดับไฟป่าครั้งใหญ่ซึ่งปะทุขึ้นหลายจุดในพื้นที่ 1,600 ตารางกิโลเมตรของรัฐนิวเซาท์เวลส์ นับตั้งแต่มีกระแสลมแรงและความร้อนพุ่งสูงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบ้านเรือนกว่า 200 หลังถูกเผาราบคาบไปแล้ว และอีกจำนวนมากได้รับความเสียหาย
แม้ยังมีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียว ทว่า จากรายงานพยากรณ์อากาศที่ระบุว่า สภาพอากาศในวันพุธ (23) จะเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ ทำให้ เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออกมาเตือนเมื่อวันอังคารว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่มีภาระหน้าที่ใดๆ ออกจากเขตเทือกเขาบลูเมาเทนส์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 75,000 คน แม้ทางการยังไม่มีแผนอพยพครั้งใหญ่ก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานพยากรณ์อากาศคาดว่า อุณหภูมิในวันพุธจะอยู่ที่ราว 35 องศาเซลเซียส ความชื้นลดลง และกระแสลมแรง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่สภาพอากาศจะผ่อนคลายลงในวันรุ่งขึ้น
ที่ผ่านมานักผจญเพลิงสามารถดับหรือควบคุมไฟหลายสิบจุดในระหว่างไฟไหม้ป่าซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรัฐนี้ในรอบเกือบ 50 ปี โดยยังเหลืออีก 57 จุดที่ลุกไหม้ และในจำนวนนี้ 17 จุดที่ดูเหมือนยังไม่สามารถควบคุมได้
เทือกเขาบลูเมาเทนส์ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของออสเตรเลีย เป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเนื่องจากไฟป่าลุกลามรุนแรงอย่างมากในเขตเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ ลิธโกว์
ฟิตซ์ซิมมอนส์เผยว่า ไฟป่าสองจุดใกล้กับลิธโกว์และภูเขาเมาต์วิกตอเรียในเขตเทือกเขาบลูเมาเทนส์ ได้ถูกทำให้มาบรรจบกันด้วยเทคนิค “การเผากลับ” เพื่อสร้างพื้นที่โล่งที่จะกลายเป็นแนวกันไฟ ป้องกันการลุกลามไปรวมกับไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้ในสปริงวูดและวินมาลี แล้วกลายเป็น “เมกะไฟร์” อย่างที่กลัวกันก่อนหน้านี้
แม้ประสบความสำเร็จในการสร้างแนวกันไฟ และไฟป่าในลิธโกว์ลดระดับเป็น "ติดตามและดำเนินการ” จากระดับ “สถานการณ์ฉุกเฉินสูงสุด” แต่ฟิตซ์ซิมมอนส์เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่ไฟจะลุกลามไปยังเขตชุมชนในเบลล์และหมู่บ้านใกล้เคียง
ทีมนักผจญเพลิงหลายพันคนที่ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัคร ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในเขตป่าทางด้านตะวันตกของซิดนีย์ เพื่อพยายามดับไฟป่าครั้งใหญ่ซึ่งปะทุขึ้นหลายจุดในพื้นที่ 1,600 ตารางกิโลเมตรของรัฐนิวเซาท์เวลส์ นับตั้งแต่มีกระแสลมแรงและความร้อนพุ่งสูงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบ้านเรือนกว่า 200 หลังถูกเผาราบคาบไปแล้ว และอีกจำนวนมากได้รับความเสียหาย
แม้ยังมีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียว ทว่า จากรายงานพยากรณ์อากาศที่ระบุว่า สภาพอากาศในวันพุธ (23) จะเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ ทำให้ เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออกมาเตือนเมื่อวันอังคารว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่มีภาระหน้าที่ใดๆ ออกจากเขตเทือกเขาบลูเมาเทนส์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 75,000 คน แม้ทางการยังไม่มีแผนอพยพครั้งใหญ่ก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานพยากรณ์อากาศคาดว่า อุณหภูมิในวันพุธจะอยู่ที่ราว 35 องศาเซลเซียส ความชื้นลดลง และกระแสลมแรง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่สภาพอากาศจะผ่อนคลายลงในวันรุ่งขึ้น
ที่ผ่านมานักผจญเพลิงสามารถดับหรือควบคุมไฟหลายสิบจุดในระหว่างไฟไหม้ป่าซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรัฐนี้ในรอบเกือบ 50 ปี โดยยังเหลืออีก 57 จุดที่ลุกไหม้ และในจำนวนนี้ 17 จุดที่ดูเหมือนยังไม่สามารถควบคุมได้
เทือกเขาบลูเมาเทนส์ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของออสเตรเลีย เป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเนื่องจากไฟป่าลุกลามรุนแรงอย่างมากในเขตเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ ลิธโกว์
ฟิตซ์ซิมมอนส์เผยว่า ไฟป่าสองจุดใกล้กับลิธโกว์และภูเขาเมาต์วิกตอเรียในเขตเทือกเขาบลูเมาเทนส์ ได้ถูกทำให้มาบรรจบกันด้วยเทคนิค “การเผากลับ” เพื่อสร้างพื้นที่โล่งที่จะกลายเป็นแนวกันไฟ ป้องกันการลุกลามไปรวมกับไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้ในสปริงวูดและวินมาลี แล้วกลายเป็น “เมกะไฟร์” อย่างที่กลัวกันก่อนหน้านี้
แม้ประสบความสำเร็จในการสร้างแนวกันไฟ และไฟป่าในลิธโกว์ลดระดับเป็น "ติดตามและดำเนินการ” จากระดับ “สถานการณ์ฉุกเฉินสูงสุด” แต่ฟิตซ์ซิมมอนส์เตือนว่า ยังมีความเสี่ยงที่ไฟจะลุกลามไปยังเขตชุมชนในเบลล์และหมู่บ้านใกล้เคียง