นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงตอบโต้กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดตัววาระประชาชนภาค 2 ระบุมีเงินรั่วไหลแต่ละโครงการของรัฐบาลสูง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้สูญเงินจากการทุจริตคอร์รัปชันกว่า 2.35 แสนล้านบาทว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นเพียงข้อมูลการคาดการณ์ และการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเท่านั้น แต่ยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เกิดการรั่วไหลของเงินหรือไม่ ดังนั้นขอท้าให้ นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ นำตัวเลขการทุจริตดังกล่าวยื่นฟ้องต่อองค์กรอิสระ เพื่อดำเนินการกับรัฐบาลได้ หากมั่นใจในข้อมูลข้อเท็จจริง แต่มองว่าการแถลงของประชาธิปัตย์เป็นการยกเมฆข้อมูล ขณะเดียวกันกลับสะท้อนถึงความล้มเหลวในการตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านที่ 2 ปีผ่านไปยังไม่สามารถนำตัวเลขมาเอาผิดรัฐบาลได้ แต่กลับไปอ้างอิงตัวเลขของมหาวิทยาลัยที่เป็นเพียงการคาดการณ์มาโจมตีเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์กลับไปย้อนดูผลงานโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ปชป.ที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางจำนวน 230 โครงการ วงเงินอนุมัติ 199,960 ล้านบาท มีการประเมินว่า ในจำนวนนี้เป็นค่าหัวคิวถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 39,999 -49,990 ล้านบาท โดยในโครงการเหล่านี้ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูเพียงการประเมิน แต่ได้ตรวจสอบ และยื่นให้กรมสอบสวนพิเศษตรวจสอบแล้วพบว่า ทุจริตรวมกว่า 14,948 ล้านบาท จาก 3 โครงการคือ โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 สถานี มูลค่า 5,848 ล้านบาท โครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง วงเงิน 3,800 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษาตามโครงการไทยเข้มแข็งเอสพี 2 วงเงิน 5,300 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าทางพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบโครงการของประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ จึงอยากให้ประชาธิปัตย์ตามไปตรวจสอบตัวเลขด้วย ไม่ใช่เพียงยกข้อมูลการคาดการณ์มาแถลงโจมตี
อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า กรณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปตย์ ระบุว่า เตรียมระดมคนชุมนุมใหญ่วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ รวมถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองหัวหน้าประชาธิปตย์ ระบุว่า เตรียมเป่านกหวีดทันทีหากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 3 เท่ากับเป็นการปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาชุมนุม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมบางช่องเผยแพร่ข่าวรับสมัครการ์ดเข้าร่วมการชุมนุม การกระทำเหล่านี้ทางพรรคจะรวบรวมว่า มีการเชื่อมเกี่ยวกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ มากน้อยเพียงใด เพื่อเตรียมยื่นเอาผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และยื่นร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เพื่อดำเนินการยุบพรรคต่อไป
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์กลับไปย้อนดูผลงานโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ปชป.ที่มีการทุจริตอย่างกว้างขวางจำนวน 230 โครงการ วงเงินอนุมัติ 199,960 ล้านบาท มีการประเมินว่า ในจำนวนนี้เป็นค่าหัวคิวถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 39,999 -49,990 ล้านบาท โดยในโครงการเหล่านี้ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูเพียงการประเมิน แต่ได้ตรวจสอบ และยื่นให้กรมสอบสวนพิเศษตรวจสอบแล้วพบว่า ทุจริตรวมกว่า 14,948 ล้านบาท จาก 3 โครงการคือ โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 สถานี มูลค่า 5,848 ล้านบาท โครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่ง วงเงิน 3,800 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษาตามโครงการไทยเข้มแข็งเอสพี 2 วงเงิน 5,300 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าทางพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบโครงการของประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ จึงอยากให้ประชาธิปัตย์ตามไปตรวจสอบตัวเลขด้วย ไม่ใช่เพียงยกข้อมูลการคาดการณ์มาแถลงโจมตี
อย่างไรก็ตาม นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อไปว่า กรณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปตย์ ระบุว่า เตรียมระดมคนชุมนุมใหญ่วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ รวมถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองหัวหน้าประชาธิปตย์ ระบุว่า เตรียมเป่านกหวีดทันทีหากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 3 เท่ากับเป็นการปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาชุมนุม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมบางช่องเผยแพร่ข่าวรับสมัครการ์ดเข้าร่วมการชุมนุม การกระทำเหล่านี้ทางพรรคจะรวบรวมว่า มีการเชื่อมเกี่ยวกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ มากน้อยเพียงใด เพื่อเตรียมยื่นเอาผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง และยื่นร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เพื่อดำเนินการยุบพรรคต่อไป