การประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันนี้ (15 ต.ค.) เริ่มเวลา 09.30 น. มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เป็นการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 190 ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว
สาระสำคัญของการปรับแก้ อยู่ที่มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีการตัดข้อความเกี่ยวกับหนังสือสัญญาที่รัฐบาลจะไปลงนามผูกพันกับรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ ที่ให้ตัดข้อความเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ และงบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ออกไป เหลือไว้เพียงประเด็นการเปิดเสรีด้านการค้า การลงทุน ซึ่งจะเหลือเพียงเรื่องของเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ เท่านั้น ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ส่วนกรณีหนังสือสัญญาใดมีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ โดยรัฐบาลยืนยันความจำเป็นในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารงานของฝ่ายบริหาร และเป็นข้อจำกัดที่ทำให้รัฐบาลดำเนินการค้าการลงทุนกับนานาประเทศล่าช้า
ขณะที่นายกฤช อาทิตย์แก้ว ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ยืนยันว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยเชิญผู้ที่มีความรู้และเกี่ยวข้องกับการระหว่างประเทศ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคำแปรญัตติจำนวน 175 คน
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า การประชุมวันนี้กำหนดไว้ตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น. หากไม่แล้วเสร็จ จะนัดประชุมอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ พร้อมยืนยัน จะไม่มีการนัดประชุมต่อในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ และเชื่อว่าการพิจารณาจะเป็นไปอย่างราบรื่น
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านกำหนดตัวผู้อภิปรายไว้ 40 คน โดยจะอภิปรายให้เห็นถึงความพยายามที่จะลดทอนอำนาจการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ และเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายบริหาร พร้อมตั้งข้อสังเกต การแก้ไขมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิพลังงาน
สาระสำคัญของการปรับแก้ อยู่ที่มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีการตัดข้อความเกี่ยวกับหนังสือสัญญาที่รัฐบาลจะไปลงนามผูกพันกับรัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ ที่ให้ตัดข้อความเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ และงบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ออกไป เหลือไว้เพียงประเด็นการเปิดเสรีด้านการค้า การลงทุน ซึ่งจะเหลือเพียงเรื่องของเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ เท่านั้น ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ส่วนกรณีหนังสือสัญญาใดมีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ โดยรัฐบาลยืนยันความจำเป็นในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารงานของฝ่ายบริหาร และเป็นข้อจำกัดที่ทำให้รัฐบาลดำเนินการค้าการลงทุนกับนานาประเทศล่าช้า
ขณะที่นายกฤช อาทิตย์แก้ว ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ยืนยันว่า การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยเชิญผู้ที่มีความรู้และเกี่ยวข้องกับการระหว่างประเทศ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
การพิจารณากฎหมายฉบับนี้ มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคำแปรญัตติจำนวน 175 คน
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า การประชุมวันนี้กำหนดไว้ตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น. หากไม่แล้วเสร็จ จะนัดประชุมอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ พร้อมยืนยัน จะไม่มีการนัดประชุมต่อในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ และเชื่อว่าการพิจารณาจะเป็นไปอย่างราบรื่น
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านกำหนดตัวผู้อภิปรายไว้ 40 คน โดยจะอภิปรายให้เห็นถึงความพยายามที่จะลดทอนอำนาจการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ และเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายบริหาร พร้อมตั้งข้อสังเกต การแก้ไขมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิพลังงาน