คลื่นเหตุการณ์ระเบิดรถยนต์กลางกรุงแบกแดดของอิรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ของชาวมุสลิมชีอะห์ ที่เกิดขึ้นวานนี้ นับเป็นเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิตมากถึง 50 คน
สื่อรายงานว่า เหตุนองเลือดครั้งล่าสุดยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่อิรัก ที่กำลังกลับเข้าสู่การทำสงครามระหว่างนิกาย ซึ่งทำให้ประชาชนหลายพันคนเสียชีวิตระหว่างปี 2549-2550 ท่ามกลางปัญหาทางตันทางการเมือง และความกังวลที่สงครามในซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน จะลุกลามข้ามพรมแดนเข้ามาในอิรัก
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงกล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ 11 ครั้ง ในพื้นที่ซึ่งมีชาวชีอะห์อาศัยอยู่เป็นส่วนมาก ในกรุงแบกแดด ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะที่เหตุระเบิดรถยนต์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นที่มัสยิดชีอะห์ ทางตะวันออกของกรุงแบกแดด อีกทั้งยังเกิดเหตุการณ์โจมตีทั้งด้วยระเบิดและอาวุธสงครามอื่นๆ ในที่อื่นๆ ด้วย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น
สื่อรายงานว่า เหตุนองเลือดครั้งล่าสุดยิ่งเพิ่มความกังวลให้แก่อิรัก ที่กำลังกลับเข้าสู่การทำสงครามระหว่างนิกาย ซึ่งทำให้ประชาชนหลายพันคนเสียชีวิตระหว่างปี 2549-2550 ท่ามกลางปัญหาทางตันทางการเมือง และความกังวลที่สงครามในซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน จะลุกลามข้ามพรมแดนเข้ามาในอิรัก
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงกล่าวว่า เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ 11 ครั้ง ในพื้นที่ซึ่งมีชาวชีอะห์อาศัยอยู่เป็นส่วนมาก ในกรุงแบกแดด ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะที่เหตุระเบิดรถยนต์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นที่มัสยิดชีอะห์ ทางตะวันออกของกรุงแบกแดด อีกทั้งยังเกิดเหตุการณ์โจมตีทั้งด้วยระเบิดและอาวุธสงครามอื่นๆ ในที่อื่นๆ ด้วย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น