นายนที ทับมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงการปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม หรือ แอลพีจี ภาคครัวเรือน ในอัตรากิโลกรัมละ 50 สตางค์ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ว่ายังมีปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้สิทธิซื้อแก๊สแอลพีจีราคาถูกเข้ามายังศูนย์บริการร่วมของกระทรวงฯ จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาร้านจำหน่ายแก๊สที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ที่ร้องเรียนเข้ามาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากลูกค้าที่ได้รับสิทธิในการใช้แก๊สราคาเดิม หันไปซื้อแก๊สกับร้านที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้า
ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งยังขาดความเข้าใจ และร้องเรียนว่าไม่สามารถไปใช้สิทธิในร้านค้าที่มีการลงทะเบียนไว้ได้ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะได้ตรวจสอบว่ารายละเอียดการแจ้งลงทะเบียนต่อไป คาดว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ
ขณะเดียวกัน เปิดโอกาสให้ร้านจำหน่ายแก๊สที่มีอยู่ประมาณ 38,000 แห่งทั่วประเทศ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีสิทธิซื้อแก๊สแอลพีจีในราคาเดิม ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท ประกอบด้วย กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 90 หน่วย ซึ่งมีทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านครัวเรือน และผู้ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ กว่า 180,000 ครัวเรือน และกลุ่มหาบเร่แผงลอยกว่า 160,000 ร้านค้า
ด้านนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในจัดส่งสายตรวจพิเศษจำนวน 15 สาย ไปตรวจสอบปริมาณการบรรจุที่โรงบรรจุและร้านจำหน่าย รวมทั้งตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ และการปิดป้ายแสดงราคา เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่แก๊สหุงต้มบรรจุถังจะมีการปรับราคาทุกเดือน ซึ่งหากตรวจสอบพบการกระทำผิด จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ที่พบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคา หรือการกระทำผิด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ
ขณะที่ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ร้านอาหารยังไม่สามารถใช้การปรับขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีเป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ เนื่องจากผลการศึกษาพบว่า ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่ง จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจานละ 2 สตางค์เท่านั้น
ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งยังขาดความเข้าใจ และร้องเรียนว่าไม่สามารถไปใช้สิทธิในร้านค้าที่มีการลงทะเบียนไว้ได้ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะได้ตรวจสอบว่ารายละเอียดการแจ้งลงทะเบียนต่อไป คาดว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ
ขณะเดียวกัน เปิดโอกาสให้ร้านจำหน่ายแก๊สที่มีอยู่ประมาณ 38,000 แห่งทั่วประเทศ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีสิทธิซื้อแก๊สแอลพีจีในราคาเดิม ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท ประกอบด้วย กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 90 หน่วย ซึ่งมีทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านครัวเรือน และผู้ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ กว่า 180,000 ครัวเรือน และกลุ่มหาบเร่แผงลอยกว่า 160,000 ร้านค้า
ด้านนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในจัดส่งสายตรวจพิเศษจำนวน 15 สาย ไปตรวจสอบปริมาณการบรรจุที่โรงบรรจุและร้านจำหน่าย รวมทั้งตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ และการปิดป้ายแสดงราคา เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่แก๊สหุงต้มบรรจุถังจะมีการปรับราคาทุกเดือน ซึ่งหากตรวจสอบพบการกระทำผิด จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้ที่พบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคา หรือการกระทำผิด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ
ขณะที่ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ร้านอาหารยังไม่สามารถใช้การปรับขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีเป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ เนื่องจากผลการศึกษาพบว่า ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่ง จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจานละ 2 สตางค์เท่านั้น
