บรรยากาศในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขในส่วนของมาตราที่ 3 เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยนายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายระบุว่า การแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลบริหารงานราชการแผ่นดินอย่างไม่โปร่งใส เกิดการครอบงำทางการเมือง อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางให้เครือญาติ บุตร คู่สมรส และบุพการีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสามารถลงสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ ทำให้มีแต่บุคคลกลุ่มเดียวกันเข้ามาครอบงำ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นอภิปรายกล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เนื่องจากจะนำไปสู่การครอบงำอำนาจของทั้งประเทศ และจะเกิดการลดอำนาจขององค์กรอิสระ เพราะการกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดมาจากการเลือกตั้งนั้น จะมีอำนาจเสียงข้างมาก ถึง 3 ใน 5 ของกระบวนการรัฐสภา ซึ่งจะนำไปสู่การคุกคามอำนาจองค์กรอิสระได้ จึงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามาจากประชาชนเพียง 100 คนเท่านั้น และอีก 100 คนมาจากการเลือกตั้งโดยองค์กรภาควิชาชีพ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นอภิปรายกล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เนื่องจากจะนำไปสู่การครอบงำอำนาจของทั้งประเทศ และจะเกิดการลดอำนาจขององค์กรอิสระ เพราะการกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดมาจากการเลือกตั้งนั้น จะมีอำนาจเสียงข้างมาก ถึง 3 ใน 5 ของกระบวนการรัฐสภา ซึ่งจะนำไปสู่การคุกคามอำนาจองค์กรอิสระได้ จึงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามาจากประชาชนเพียง 100 คนเท่านั้น และอีก 100 คนมาจากการเลือกตั้งโดยองค์กรภาควิชาชีพ