น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามแก้ไขปัญหาราคายาง และการชุมนุมของเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด พร้อมนำเสนอปัญหาให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติแห่งชาติ ก่อนเข้าสู่คณะรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุม และเกษตรกรให้นำเสนอปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อหาทางออกร่วมกัน และให้เกษตรกรที่ปลูกยางนั้นสามารถอยู่ได้ ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร แต่มาร่วมชุมนุมประท้วง วอนให้ยุติการชุมนุม เพราะอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรง และหากทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน และการชุมนุมประท้วงด้วยการปิดถนน ประชาชนส่วนใหญ่นั้นจะได้รับความเดือดร้อน และอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศได้
ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงปัญหายางราคาตกต่ำว่า เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความต้องการการใช้ยางลดลง การสั่งซื้อหลักจากจีนก็ลดลง โดยได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการเสนอเงินซื้อปุ๋ยให้กับเกษตรกรที่ปลูกยางรายย่อยต่ำกว่า 10 ไร่ลงไป ด้วยการจ่ายตรง 790,000 ราย พร้อมปลูกพืชเสริมพ่วงต้นยางที่มีอายุสูงกว่า 25 ปี และปลูกปาล์มน้ำมันทดแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำให้ช่วยเหลือเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องก่อน โดยให้ อ.ค.ส. นั้นเป็นแกนกลางในการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุม และเกษตรกรให้นำเสนอปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อหาทางออกร่วมกัน และให้เกษตรกรที่ปลูกยางนั้นสามารถอยู่ได้ ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร แต่มาร่วมชุมนุมประท้วง วอนให้ยุติการชุมนุม เพราะอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรง และหากทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน และการชุมนุมประท้วงด้วยการปิดถนน ประชาชนส่วนใหญ่นั้นจะได้รับความเดือดร้อน และอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศได้
ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงปัญหายางราคาตกต่ำว่า เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความต้องการการใช้ยางลดลง การสั่งซื้อหลักจากจีนก็ลดลง โดยได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการเสนอเงินซื้อปุ๋ยให้กับเกษตรกรที่ปลูกยางรายย่อยต่ำกว่า 10 ไร่ลงไป ด้วยการจ่ายตรง 790,000 ราย พร้อมปลูกพืชเสริมพ่วงต้นยางที่มีอายุสูงกว่า 25 ปี และปลูกปาล์มน้ำมันทดแทน ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำให้ช่วยเหลือเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องก่อน โดยให้ อ.ค.ส. นั้นเป็นแกนกลางในการแก้ไขปัญหา
