บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) แถลงชี้แจงกรณีที่เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบขนาด 16 นิ้ว รั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท เมื่อเวลา 06.50 น. ในวันนี้ (27 ก.ค.) จนทำให้มีน้ำมันดิบรั่วออกมาประมาณ 50 ตัน หรือ 50,000 ลิตร ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทได้หยุดการส่งน้ำมันและควบคุมสถานการณ์ด้วยการปิดวาล์วทันที เพื่อไม่ให้มีการรั่วเพิ่มแล้วนั้น บริษัทได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำ พร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 35,000 ลิตร จาก บริษัท ไออาร์ พีซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ลำ SC Management จำนวน 1 ลำ ของ PTTGC โดยเรือ Uniwise Rayong จำนวน 1 ลำ
นอกจากนี้ ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตร เพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมัน เพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบน้ำมัน และกองทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตะเวณ เพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที
จากปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุนจากนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งจำนวนเรือและน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ คาดว่า จะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทั้งหมดภายในวันนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง โดยการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ยังใช้เรือสนับสนุน SC Management จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือ RS20, RS32 และ RS33 เพื่อวิ่งวนให้น้ำมันทำปฏิกริยากับน้ำยาขจัดคราบน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ทุ่นกั้น (Boom) ความยาว 200 เมตร เพื่อจำกัดวงการแพร่กระจายของคราบน้ำมัน เพื่อให้ง่ายต่อการขจัดคราบน้ำมัน และกองทัพเรือภาคที่ 1 ได้สนับสนุนด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตะเวณ เพื่อดูทิศทางคราบน้ำมันด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ประสานงานขอคำแนะนำจากหน่วยงานขจัดคราบน้ำมันสากล (Oil Spill Response) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้คำแนะนำโดยทันที
จากปฎิบัติการขจัดคราบน้ำมันที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ และที่ได้รับการสนับสนุนจากนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งจำนวนเรือและน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน บริษัทฯ คาดว่า จะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทั้งหมดภายในวันนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง โดยการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมันของ PTTGC ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ