พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ป.ป.ส.มีความกังวลใจที่เด็ก เยาวชน วัยรุ่น โดยเฉพาะสุภาพสตรี มีความเข้าใจผิดว่า ยาไอซ์จะทำให้ผิวขาว น้ำหนักลด เพราะไม่อยากอาหาร ซึ่งจากผลวิจัยมีข้อมูลชัดเจนว่า ยาไอซ์ไม่ได้ทำให้ขาว แต่ทำให้ซีด เมื่อซีดเรื่อยๆ ก็จะเหี่ยว และแก่ สุขภาพทรุดโทรม
สำหรับการแพร่ระบาดของยาไอซ์พบเส้นทางการค้าในสถานบันเทิง และเชื่อมสู่วงการบันเทิง ศิลปิน ดารา ซึ่ง ป.ป.ส.ก็ติดตามโครงข่าย ที่การข่าวพบมีหลายโครงข่าย แต่เมื่อมีความต้องการ ทำให้หายาเสพติดได้ง่าย จึงอยากฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง และตัวเยาวชนเอง มีวิธีเพิ่มความสวยงาม หรือทำให้น้ำหนักลดได้หลายวิธี จึงไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายด้วย
สำหรับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชนปัจจุบัน เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ตกเป็นเหยื่อมากที่สุด ตามข้อมูลบำบัดรักษายาเสพติดในปี 2555 พบว่า ร้อยละ 50.6 หรือครึ่งหนึ่งของผู้เข้ารับการบำบัดเป็นเด็ก และเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 24 ปีลงไป โดยเป็นเด็กต่ำกว่า 15 ปี ร้อยละ 1.7 เด็กอายุระหว่าง 15-17 ปี ร้อยละ 25 และเยาวชนอายุระหว่าง 20-24 ปี ร้อยละ 23.9 และผู้เสพรายใหม่ที่เป็นเยาวชนก็มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนอายุระหว่าง 13-15 ปี ที่มียอดเข้าบำบัดในปี 2555 มากถึงกว่า 2,000 คน ซึ่งเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปี 2550 โดยยาไอซ์มีการแพร่ระบาดที่ร้อยละ 5.3 รองลงมาจากยาบ้าที่มากสุด ร้อยละ 81.1 แต่ยาไอซ์มีแนวโน้มแพร่ระบาดกว้างขวางมากขึ้นในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-24 ปี โดยนักค้าใช้กลยุทธ์ด้านราคา ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบมาขายราคาต่ำตามกำลังซื้อผู้เสพ ให้เยาวชนเข้าถึงไอซ์มากขึ้น รวมถึงสร้างแนวคิดว่า ยาไอซ์เป็นยาเสพติดชั้นสูง สำหรับคนมีระดับออกฤทธิ์แรง ทำให้ยาไอซ์เริ่มแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นรวดเร็วขึ้น และพบผู้เสพเป็นเพศหญิงมากกว่าชาย และพบว่าผู้เสพไอซ์ มักชอบเที่ยวสถานบันเทิง ชอบสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน หอพัก และแสวงหายาไอซ์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากสถิติยังพบผู้เสพไอซ์ 1 คนสามารถชักชวน เพื่อให้ใช้ไอซ์สำเร็จประมาณ 4 คน
สำหรับการแพร่ระบาดของยาไอซ์พบเส้นทางการค้าในสถานบันเทิง และเชื่อมสู่วงการบันเทิง ศิลปิน ดารา ซึ่ง ป.ป.ส.ก็ติดตามโครงข่าย ที่การข่าวพบมีหลายโครงข่าย แต่เมื่อมีความต้องการ ทำให้หายาเสพติดได้ง่าย จึงอยากฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง และตัวเยาวชนเอง มีวิธีเพิ่มความสวยงาม หรือทำให้น้ำหนักลดได้หลายวิธี จึงไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายด้วย
สำหรับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชนปัจจุบัน เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ตกเป็นเหยื่อมากที่สุด ตามข้อมูลบำบัดรักษายาเสพติดในปี 2555 พบว่า ร้อยละ 50.6 หรือครึ่งหนึ่งของผู้เข้ารับการบำบัดเป็นเด็ก และเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 24 ปีลงไป โดยเป็นเด็กต่ำกว่า 15 ปี ร้อยละ 1.7 เด็กอายุระหว่าง 15-17 ปี ร้อยละ 25 และเยาวชนอายุระหว่าง 20-24 ปี ร้อยละ 23.9 และผู้เสพรายใหม่ที่เป็นเยาวชนก็มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนอายุระหว่าง 13-15 ปี ที่มียอดเข้าบำบัดในปี 2555 มากถึงกว่า 2,000 คน ซึ่งเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปี 2550 โดยยาไอซ์มีการแพร่ระบาดที่ร้อยละ 5.3 รองลงมาจากยาบ้าที่มากสุด ร้อยละ 81.1 แต่ยาไอซ์มีแนวโน้มแพร่ระบาดกว้างขวางมากขึ้นในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-24 ปี โดยนักค้าใช้กลยุทธ์ด้านราคา ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบมาขายราคาต่ำตามกำลังซื้อผู้เสพ ให้เยาวชนเข้าถึงไอซ์มากขึ้น รวมถึงสร้างแนวคิดว่า ยาไอซ์เป็นยาเสพติดชั้นสูง สำหรับคนมีระดับออกฤทธิ์แรง ทำให้ยาไอซ์เริ่มแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นรวดเร็วขึ้น และพบผู้เสพเป็นเพศหญิงมากกว่าชาย และพบว่าผู้เสพไอซ์ มักชอบเที่ยวสถานบันเทิง ชอบสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน หอพัก และแสวงหายาไอซ์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากสถิติยังพบผู้เสพไอซ์ 1 คนสามารถชักชวน เพื่อให้ใช้ไอซ์สำเร็จประมาณ 4 คน