นายประเสริฐ สอนเจริญทรัพย์ สาธารณสุขอำเภอแม่สอด นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เปิดศูนย์รณรงค์ป้องกันโรคมาลาเรียให้กับประชาชนทั้งไทยและพม่าที่บริเวณ บ้านห้วยมหาวงศ์ หมู่ที่ 9 ตำบลมหาวัน อ.แม่สอด มีชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าบ้านมินลาป่าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามฝั่งไทยจำนวนกว่า 200 คน เดินทางข้ามแม่น้ำเมยมารับบริการตรวจหาเชื้อไข้มาลาเรีย
สาธารณสุขอำเภอแม่สอด เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคมาลาเรียระบาดหนักในพื้นที่จังหวัดตาก โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน 5 อำเภอติดประเทศเมียนมาร์ ประกอบด้วย อ.อุ้มผาง อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง
จากสถิติของสาธารณสุขจังหวัดตากระบุว่า โรคมาลาเรียยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของจังหวัดตาก เนื่องจากยังพบผู้ป่วยมาลาเรียสูงที่สุดของประเทศมาโดยตลอด โดยในปี 2556 ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 มีผู้ป่วยทั้งประเทศจำนวน 22,546 ราย เป็นผู้ป่วยด้วยโรคมาลาเรียในพื้นที่จังหวัดตาก 8,901 ราย เป็นผู้ป่วยชาวไทย 3,299 ราย ชาวพม่า 5,602 ราย ปัญหาที่สำคัญได้แก่ การอพยพเคลื่อนย้ายของประชากรทั้งชาวไทยและต่างชาติตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อีกทั้งแรงงานต่างชาติยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบกับงบประมาณสำหรับควบคุมป้องกันไข้มาลาเรียในประเทศไทยได้ลดลงอย่างมาก ทำให้ไม่เพียงพอต่อการให้บริการครอบคลุมในประชากรกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
การมาเปิดรณรงค์ในครั้งนี้เพื่อลดปัญหาการเกิดโรคมาลาเรียในประชาชนกลุ่มเสี่ยงและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณชายแดน นอกจากการรณรงค์แล้วมีการตรวจเลือดประชาชนทั้งชาวไทยและพม่า มีการแจกมุ้งป้องกันยุงและน้ำยาชุบมุ้งด้วย
สาธารณสุขอำเภอแม่สอด เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคมาลาเรียระบาดหนักในพื้นที่จังหวัดตาก โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน 5 อำเภอติดประเทศเมียนมาร์ ประกอบด้วย อ.อุ้มผาง อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง
จากสถิติของสาธารณสุขจังหวัดตากระบุว่า โรคมาลาเรียยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของจังหวัดตาก เนื่องจากยังพบผู้ป่วยมาลาเรียสูงที่สุดของประเทศมาโดยตลอด โดยในปี 2556 ตั้งแต่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 มีผู้ป่วยทั้งประเทศจำนวน 22,546 ราย เป็นผู้ป่วยด้วยโรคมาลาเรียในพื้นที่จังหวัดตาก 8,901 ราย เป็นผู้ป่วยชาวไทย 3,299 ราย ชาวพม่า 5,602 ราย ปัญหาที่สำคัญได้แก่ การอพยพเคลื่อนย้ายของประชากรทั้งชาวไทยและต่างชาติตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อีกทั้งแรงงานต่างชาติยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบกับงบประมาณสำหรับควบคุมป้องกันไข้มาลาเรียในประเทศไทยได้ลดลงอย่างมาก ทำให้ไม่เพียงพอต่อการให้บริการครอบคลุมในประชากรกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
การมาเปิดรณรงค์ในครั้งนี้เพื่อลดปัญหาการเกิดโรคมาลาเรียในประชาชนกลุ่มเสี่ยงและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณชายแดน นอกจากการรณรงค์แล้วมีการตรวจเลือดประชาชนทั้งชาวไทยและพม่า มีการแจกมุ้งป้องกันยุงและน้ำยาชุบมุ้งด้วย
