นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นจากผู้ค้าทองคำรายใหญ่ 6 แห่ง มีความเห็นตรงกันว่าราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ระหว่าง 1,300-1,400 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยมีกรอบบนที่ 1,520 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือประมาณ 20,500-21,000 บาท กรอบล่างอยู่ที่ 1,150-1,050 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 17,000 - 17,500 บาท โดยมีปัจจัยหลักคือการชะลอใช้มาตรการคิวอีของสหรัฐฯ ทิศทางค่าเงินบาท การขายกองทุนขนาดใหญ่ โดยเห็นว่าราคาทองคำจะอยู่ในขาลงจนถึงสิ้นปีนี้ แต่มีโอกาสปรับขึ้นได้ในช่วง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
ส่วนดัชนีราคาทองคำในเดือนกรกฎาคม 2556 จะอยู่ที่ 33.77 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนเล็กน้อย เพราะนักลงทุนมองว่าราคาทองคำปรับลดลงมามากพอสมควรแล้ว ขณะที่กลุ่มผู้ค้ามีความใกล้ชิดกับข้อมูลดัชนีปรับลดลง ส่วนความเชื่อมั่นราคาทองคำ 3 เดือนข้างหน้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เชื่อว่าราคาทองคำในปีนี้ไม่ปรับลดลงมาถึงระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพราะราคาต่ำกว่าต้นทุนหน้าเหมือง ประกอบกับขณะนี้เกิดทองคำขาดตลาด แต่กองทุนเก็งกำไรทุกราคาโดยใช้ข่าวความกังวลถอนมาตรการคิวอีเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกองทุนเก็งกำไร ซึ่งการซื้อขายทองล่วงหน้าสูงถึง 5,000 ตันต่อวัน ดังนั้นขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก
ส่วนดัชนีราคาทองคำในเดือนกรกฎาคม 2556 จะอยู่ที่ 33.77 เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนเล็กน้อย เพราะนักลงทุนมองว่าราคาทองคำปรับลดลงมามากพอสมควรแล้ว ขณะที่กลุ่มผู้ค้ามีความใกล้ชิดกับข้อมูลดัชนีปรับลดลง ส่วนความเชื่อมั่นราคาทองคำ 3 เดือนข้างหน้ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เชื่อว่าราคาทองคำในปีนี้ไม่ปรับลดลงมาถึงระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพราะราคาต่ำกว่าต้นทุนหน้าเหมือง ประกอบกับขณะนี้เกิดทองคำขาดตลาด แต่กองทุนเก็งกำไรทุกราคาโดยใช้ข่าวความกังวลถอนมาตรการคิวอีเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกองทุนเก็งกำไร ซึ่งการซื้อขายทองล่วงหน้าสูงถึง 5,000 ตันต่อวัน ดังนั้นขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก
