นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายดอนัลต์ ตุสก์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐโปแลนด์ ว่า ทั้งสองฝ่ายพร้อมเปิดศักราชแห่งความร่วมมือไทย-โปแลนด์ในทุกมิติ สนับสนุนขยายการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศให้หลากหลายมากขึ้น
ในการนี้ยังหารือถึงการสานต่อแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการทหาร และกลไกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลไทยมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วน และขยายความร่วมมือกับโปแลนด์ในทุกมิติที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้รับประโยชน์สูงสุด
ในโอกาสนี้ ได้หารือกันในประเด็นต่างๆ ทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือมือในกรอบทวิภาคี ดังนี้ ด้านความสัมพันธ์ ไทยและโปแลนด์มุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก โดยยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและร่วมกันพัฒนาระบบเศรษฐกิจเสรีให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป ด้านการค้าและการลงทุน ได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพและศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และความพร้อมของไทยที่เปิดกว้างรับการลงทุนจากภาคเอกชนโปแลนด์ โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อาเซียนของไทย ซึ่งไทยได้ลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ และไทยสนใจการเชื่อมทางรถไฟระหว่างเอเชียกับโปแลนด์
ขณะเดียวกัน ไทยก็ให้ความสำคัญกับโปแลนด์ในฐานะประเทศที่เป็นประตูสู่ยุโรปกลางเช่นกัน ซึ่งทั้งสองประเทศจะต่างเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าในภูมิภาคของตนเอง
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 5 ปี จากปัจจุบัน 732.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน ด้วยการสนับสนุนให้มีการค้าขายสินค้าที่มีความหลากหลายขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นว่าการลงนามความตกลงด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยปีละ 47,113 คน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ไทยจึงเชิญชวนให้ชาวโปแลนด์มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวทุกประเทศ รวมถึงมาตรฐานและความพร้อมในการให้บริการของชาวไทยอย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะให้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
ขณะที่ด้านวิชาการ โปแลนด์เป็นประเทศมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมและเหล็กกล้า เครื่องจักรและยานยนต์ การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานทดแทน ทั้งสองจึงยินดีที่จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และระบบต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยและโปแลนด์
จากนั้น ทั้งสองร่วมแถลงข่าวถึงผลการหารือที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีและพึงพอใจกับทิศทางการพัฒนาการความสัมพันธ์และการส่งเสริมความร่วมมือต่างๆ
ในการนี้ยังหารือถึงการสานต่อแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการทหาร และกลไกความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลไทยมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วน และขยายความร่วมมือกับโปแลนด์ในทุกมิติที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้รับประโยชน์สูงสุด
ในโอกาสนี้ ได้หารือกันในประเด็นต่างๆ ทั้งการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือมือในกรอบทวิภาคี ดังนี้ ด้านความสัมพันธ์ ไทยและโปแลนด์มุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลก โดยยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยและร่วมกันพัฒนาระบบเศรษฐกิจเสรีให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป ด้านการค้าและการลงทุน ได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพและศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และความพร้อมของไทยที่เปิดกว้างรับการลงทุนจากภาคเอกชนโปแลนด์ โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อาเซียนของไทย ซึ่งไทยได้ลงทุนในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ และไทยสนใจการเชื่อมทางรถไฟระหว่างเอเชียกับโปแลนด์
ขณะเดียวกัน ไทยก็ให้ความสำคัญกับโปแลนด์ในฐานะประเทศที่เป็นประตูสู่ยุโรปกลางเช่นกัน ซึ่งทั้งสองประเทศจะต่างเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าในภูมิภาคของตนเอง
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 5 ปี จากปัจจุบัน 732.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของโปแลนด์ในอาเซียน ด้วยการสนับสนุนให้มีการค้าขายสินค้าที่มีความหลากหลายขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นว่าการลงนามความตกลงด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยปีละ 47,113 คน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ไทยจึงเชิญชวนให้ชาวโปแลนด์มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวทุกประเทศ รวมถึงมาตรฐานและความพร้อมในการให้บริการของชาวไทยอย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะให้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
ขณะที่ด้านวิชาการ โปแลนด์เป็นประเทศมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมและเหล็กกล้า เครื่องจักรและยานยนต์ การแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานทดแทน ทั้งสองจึงยินดีที่จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และระบบต่างๆที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยและโปแลนด์
จากนั้น ทั้งสองร่วมแถลงข่าวถึงผลการหารือที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีและพึงพอใจกับทิศทางการพัฒนาการความสัมพันธ์และการส่งเสริมความร่วมมือต่างๆ