นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชมฟาร์มกุ้งทะเลภาคตะวันออก เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในครั้งนี้ สถานการณ์การพบอาการตายด่วนในกุ้งมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากอัตราการพบโรคที่ลดลง ซึ่งปัจจัยสำคัญคือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมประมงดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้โครงการรวมพลังยับยั้ง EMS มาตั้งแต่เกิดปัญหาดังกล่าว โดยส่วนของกรมประมงได้เน้นเรื่องการปรับปรุงระบบสุขอนามัยและกรรมวิธีการเลี้ยงดูพ่อแม่พันธุ์กุ้งทะเล การผลิตลูกกุ้งคุณภาพ การคัดกรองลูกกุ้งคุณภาพเข้าสู่การผลิตและการปรับปรุงวิธีการจัดการเลี้ยงกุ้งในบ่อดินมาอย่างเข้มข้น ซึ่งจากการที่กรมประมงได้พยายามเร่งแก้ไขปัญหารวมถึงการหาสาเหตุการเกิดโรคดังกล่าว
สำหรับผลการดำเนินการขณะนี้ ได้มีการปรับปรุงสุขอนามัยโรงเพาะฟักกุ้งทะเลต้นน้ำ เพื่อป้องกันความสูญเสียจากกลุ่มอาการตายด่วน มีโรงเพาะฟักเข้าร่วมโครงการจำนวน 27 โรง ทั่วประเทศ สามารถดำเนินการปรับปรุง และให้การรับรองแล้วจำนวน 10 โรง อยู่ในระหว่างการรอให้การรับรอง จำนวน 2 โรง อยู่ในระหว่างการตรวจประเมิน จำนวน 4 โรง และ กำลังปรับปรุงรอการตรวจประเมินอีก 11 โรง
ขณะที่การปรับปรุงสุขอนามัยโรงอนุบาลลูกกุ้งทะเลทั่วประเทศ ตามข้อแนะนำของที่กรมประมง และจำหน่ายลูกกุ้งขาวที่ได้มาตรฐานตามที่กรมประมงกำหนดโดยมีโรงอนุบาลกุ้งที่เข้าร่วมโครงการ 56 โรง
สำหรับผลการดำเนินการขณะนี้ ได้มีการปรับปรุงสุขอนามัยโรงเพาะฟักกุ้งทะเลต้นน้ำ เพื่อป้องกันความสูญเสียจากกลุ่มอาการตายด่วน มีโรงเพาะฟักเข้าร่วมโครงการจำนวน 27 โรง ทั่วประเทศ สามารถดำเนินการปรับปรุง และให้การรับรองแล้วจำนวน 10 โรง อยู่ในระหว่างการรอให้การรับรอง จำนวน 2 โรง อยู่ในระหว่างการตรวจประเมิน จำนวน 4 โรง และ กำลังปรับปรุงรอการตรวจประเมินอีก 11 โรง
ขณะที่การปรับปรุงสุขอนามัยโรงอนุบาลลูกกุ้งทะเลทั่วประเทศ ตามข้อแนะนำของที่กรมประมง และจำหน่ายลูกกุ้งขาวที่ได้มาตรฐานตามที่กรมประมงกำหนดโดยมีโรงอนุบาลกุ้งที่เข้าร่วมโครงการ 56 โรง