จากกรณีลืม ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือ "น้องเอย" วัย 3 ขวบ นักเรียนอนุบาล ที่ถูกลืมทิ้งไว้ในรถตู้ของโรงเรียน นานกว่า 5 ชั่วโมง จนเกิดอาการสมองบวมเนื่องจากขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน วันนี้ นางอนงค์ คีรีวงษ์ อายุ 77 ปี เจ้าของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยบุตรสาว ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน นางสาวดาวรอง ศรีสมุ้ง อายุ 37 ปี ครูพี่เลี้ยงซึ่งเป็นครูเวรประจำรถตู้ในวันเกิดเหตุ และนายสันติภาพ หวานใจ อาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นผู้ขับรถตู้วันเกิดเหตุเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผู้บังคับการจังหวัดสมุทรปราการ และพนักงานสอบสวน สภ.บางปู เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนางรัตนา นครโสภา มารดา น้องเอย พร้อมครอบครัว และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาเพื่อเจรจาเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ นางอนงค์ กล่าวว่า โรงเรียนอนุบาลได้เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งมีนักเรียนระดับอนุบาลกว่า 80 คน ส่วนรถตู้คันที่เกิดเหตุได้ซื้อมากว่า 4 ปี และใช้รับส่งนักเรียนทุกวัน ซึ่งรถตู้เป็นชื่อของบุตรสาว แต่ได้ยกให้เป็นทรัพย์สินของโรงเรียน
ทางด้านพนักงานสอบสวน กล่าวว่าหลังจากนี้จะดำเนินการตวจสอบรถตู้คันดังกล่าวว่าได้รับอนุญาตให้เป็นรถนักเรียนหรือไม่จากกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง และตรวจสอบระบบภายในรถตู้ พร้อมจำลองสถานการณ์ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุเพื่อสาเหตุที่ทำให้น้องเอย ขาดอากาศหายใจ
ภายหลังการเจรจาประมาณ 20 นาที พล.ต.ต.ธัชชัย เปิดเผยว่า ในวันนี้การเจรจาได้ข้อยุติทั้งสองฝ่ายเป็นที่พอใจในข้อตกลง ซึ่งทางโรงเรียนจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของน้องเอย จนกว่าจะหายเป็นปกติ หรือจนกว่าผู้ปกครองจะพอใจ ซึ่งมารดาน้องเอยก็พอใจในข้อตกลงนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนางสาวดาวรอง ศรีสมุ้ง ครูพี่เลี้ยงซึ่งเป็นครูเวรประจำรถตู้ในวันเกิดเหตุ และนายสันติภาพ หวานใจ ครูซึ่งเป็นผู้ขับรถตู้ ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนจะมีการข้อหากับใครเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน
ส่วนนางสาวยุวเรศ กล่าวว่า ทางโรงเรียนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้มีการประชุมคณะครูอาจารย์และพนักงานภายในโรงเรียนให้ระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่บรรยากาศการเจรจา ทางฝ่ายโรงเรียนได้เข้าไปขอโทษพร้อมน้ำตา กับนางรัตนา มารดาน้องเอย โดยนางสาวดาวรอง ได้ก้มลงกราบเท้าขอขมา และขอให้นางรัตนา ยกโทษให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นางอนงค์ กล่าวว่า โรงเรียนอนุบาลได้เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งมีนักเรียนระดับอนุบาลกว่า 80 คน ส่วนรถตู้คันที่เกิดเหตุได้ซื้อมากว่า 4 ปี และใช้รับส่งนักเรียนทุกวัน ซึ่งรถตู้เป็นชื่อของบุตรสาว แต่ได้ยกให้เป็นทรัพย์สินของโรงเรียน
ทางด้านพนักงานสอบสวน กล่าวว่าหลังจากนี้จะดำเนินการตวจสอบรถตู้คันดังกล่าวว่าได้รับอนุญาตให้เป็นรถนักเรียนหรือไม่จากกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง และตรวจสอบระบบภายในรถตู้ พร้อมจำลองสถานการณ์ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุเพื่อสาเหตุที่ทำให้น้องเอย ขาดอากาศหายใจ
ภายหลังการเจรจาประมาณ 20 นาที พล.ต.ต.ธัชชัย เปิดเผยว่า ในวันนี้การเจรจาได้ข้อยุติทั้งสองฝ่ายเป็นที่พอใจในข้อตกลง ซึ่งทางโรงเรียนจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของน้องเอย จนกว่าจะหายเป็นปกติ หรือจนกว่าผู้ปกครองจะพอใจ ซึ่งมารดาน้องเอยก็พอใจในข้อตกลงนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนางสาวดาวรอง ศรีสมุ้ง ครูพี่เลี้ยงซึ่งเป็นครูเวรประจำรถตู้ในวันเกิดเหตุ และนายสันติภาพ หวานใจ ครูซึ่งเป็นผู้ขับรถตู้ ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนจะมีการข้อหากับใครเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐาน
ส่วนนางสาวยุวเรศ กล่าวว่า ทางโรงเรียนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้มีการประชุมคณะครูอาจารย์และพนักงานภายในโรงเรียนให้ระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่บรรยากาศการเจรจา ทางฝ่ายโรงเรียนได้เข้าไปขอโทษพร้อมน้ำตา กับนางรัตนา มารดาน้องเอย โดยนางสาวดาวรอง ได้ก้มลงกราบเท้าขอขมา และขอให้นางรัตนา ยกโทษให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
