พล.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ที่มีปัญหาและถูกตั้งข้อสังเกตว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลไม่ดำเนินการตรวจสอบ ทั้งยังขยายระยะเวลาให้บริษัทที่ได้รับสัมปทานถึง 3 ครั้งๆ ละ 60 วัน รวมต่อสัญญา 180 วัน จนเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย ไม่ได้ค่าปรับกว่า 1,026 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.ต.ปิยะ กล่าวชี้แจงว่า การบริหารโครงการดำเนินไปตามเงื่อนไขของสัญญา มีคณะกรรมการตรวจสอบการจ้างตามระบบ ส่วนการขยายระยะเวลาเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งการขยายสัญญาได้ยึดหลักสำคัญคือ เกิดจากข้อบกพร่องของผู้ว่าจ้าง เช่น ส่งมอบพื้นที่บางแห่งไม่ทันเวลา เหตุสุดวิสัยตามกฎหมายเช่น ภัยธรรมชาติ ในกรณีนี้คือ เหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ต่อเนื่องต้นปี 2555
สำหรับผู้ที่อนุมัติให้ขยายสัญญาคือ ผู้บัญชาการสำนักส่งกำลังบำรุง ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับรัฐบาล หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีการจัดทำขอบเขตการก่อสร้างทีโออาร์ ในการจัดสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาเดียว บริษัทเดียวทั้ง 396 แห่ง รวมทั้งลงนามให้จ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูลไปก่อนหน้านั้น ผู้ทำหน้าที่คือ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักส่งกำลังบำรุง ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่อย่างใด
ทั้งนี้ พล.ต.ปิยะ กล่าวชี้แจงว่า การบริหารโครงการดำเนินไปตามเงื่อนไขของสัญญา มีคณะกรรมการตรวจสอบการจ้างตามระบบ ส่วนการขยายระยะเวลาเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งการขยายสัญญาได้ยึดหลักสำคัญคือ เกิดจากข้อบกพร่องของผู้ว่าจ้าง เช่น ส่งมอบพื้นที่บางแห่งไม่ทันเวลา เหตุสุดวิสัยตามกฎหมายเช่น ภัยธรรมชาติ ในกรณีนี้คือ เหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ต่อเนื่องต้นปี 2555
สำหรับผู้ที่อนุมัติให้ขยายสัญญาคือ ผู้บัญชาการสำนักส่งกำลังบำรุง ซึ่งเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับรัฐบาล หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีการจัดทำขอบเขตการก่อสร้างทีโออาร์ ในการจัดสร้างสถานีตำรวจรวมสัญญาเดียว บริษัทเดียวทั้ง 396 แห่ง รวมทั้งลงนามให้จ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 ให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูลไปก่อนหน้านั้น ผู้ทำหน้าที่คือ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผู้บัญชาการสำนักส่งกำลังบำรุง ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่อย่างใด