สธ.แจงเหตุเสียชีวิตแม่ลูกที่ รพ.ลำลูกกา เกิดจากน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือดอย่างชัดเจน เป็นเหตุสุดวิสัย เกิดอย่างกะทันหัน ไม่สามารถทราบล่วงหน้า ยันไม่ใช่เกิดจากความประมาทของแพทย์ พยาบาลประจำห้องคลอด เล็งนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาให้การช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ วันที่ 26 ก.ย.นี้
จากกรณีข่าว นายบุญมี จันทหาร ร้องเรียนโรงพยาบาลลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้ภรรยาและบุตรในครรภ์เสียชีวิตขณะรอคลอด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2555 นั้น
วันนี้ (18 ก.ย.) นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ ณรงค์ ตั้งตรงไพโรจน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ทั้งสองฝ่าย โดยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดมาจากภาวะน้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยทางการแพทย์มีอุบัติการณ์เกิดขึ้น 1 ต่อ 8,000 ถึง 1 ต่อ 80,000 ของการคลอด และไม่อาจทราบล่วงหน้าได้ เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ระหว่างเจ็บครรภ์คลอด จนถึงการคลอด และผลการผ่าชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบเซลล์ชิ้นส่วนเด็กที่อยู่ในน้ำคร่ำปนอยู่ในปอดของแม่ จึงเข้าได้กับภาวะน้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด (Amniotic fluid embolism syndrome) ไม่ใช่เป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลประจำห้องคลอดแต่อย่างใด
นายแพทย์ ณรงค์ ตั้งตรงไพโรจน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในการช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต กระทรวงสาธารณสุข ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาให้การช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 41 โดยแยกเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีของแม่และลูก ซึ่งคณะกรรมการจะประชุมหาข้อสรุปในวันที่ 26 กันยายน 2555 วงเงินช่วยเหลือสูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นการเยียวยาครอบครัวโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิดถูก
จากกรณีข่าว นายบุญมี จันทหาร ร้องเรียนโรงพยาบาลลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้ภรรยาและบุตรในครรภ์เสียชีวิตขณะรอคลอด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2555 นั้น
วันนี้ (18 ก.ย.) นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ ณรงค์ ตั้งตรงไพโรจน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ทั้งสองฝ่าย โดยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดมาจากภาวะน้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยทางการแพทย์มีอุบัติการณ์เกิดขึ้น 1 ต่อ 8,000 ถึง 1 ต่อ 80,000 ของการคลอด และไม่อาจทราบล่วงหน้าได้ เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ระหว่างเจ็บครรภ์คลอด จนถึงการคลอด และผลการผ่าชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบเซลล์ชิ้นส่วนเด็กที่อยู่ในน้ำคร่ำปนอยู่ในปอดของแม่ จึงเข้าได้กับภาวะน้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด (Amniotic fluid embolism syndrome) ไม่ใช่เป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลประจำห้องคลอดแต่อย่างใด
นายแพทย์ ณรงค์ ตั้งตรงไพโรจน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในการช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต กระทรวงสาธารณสุข ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาให้การช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 41 โดยแยกเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีของแม่และลูก ซึ่งคณะกรรมการจะประชุมหาข้อสรุปในวันที่ 26 กันยายน 2555 วงเงินช่วยเหลือสูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นการเยียวยาครอบครัวโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิดถูก