นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หารือร่วมกับตัวแทนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ไม่คิดว่าจะเป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกล่าวหาว่าพรรคขัดขวางเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียว เพราะการนิรโทษกรรมนั้น ได้เสนอแนวทางอย่างชัดเจนมานานแล้วว่า ให้มีการนิรโทษกรรมจำกัดขอบเขตเฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เท่าที่ฟังดูตัวแทนพันธมิตรฯ ไม่มีความคิดที่แตกต่างไปเท่าไหร่จากการสัมภาษณ์ล่าสุด แต่ปัญหาที่ประชาชนคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมโดยสงบ แต่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังไม่สามารถรับนิรโทษกรรมได้ เพราะถูกจับเป็นตัวประกัน
ส่วนแนวคิดที่มีการเปิดเผยหลังการเจรจาว่า จะมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีกฉบับหนึ่งในส่วนของแกนนำ ซึ่งจะให้มีคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อพิจารณาว่าใครสมควรได้รับการนิรโทษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นเหตุผล และความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงตรงนั้น เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง หากมีความเชื่อเรื่องความปรองดองควรเริ่มต้นจากจุดร่วมจะไปเริ่มต้นจากจุดที่มีความขัดแย้งทำไม เพราะถ้าเห็นตรงกันว่าประชาชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินสมควรได้รับการนิรโทษกรรมมาทำเรื่องนี้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นวิธีการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สร้างเจตนารมณ์ร่วมกัน แต่ถ้าจะเอาเรื่องของคนอื่นเข้ามาพ่วงด้วยก็ขัดแย้งต่อ อยากให้เห็นใจคนที่รอคอยสิ่งนี้ เพราะเป็นคนที่สังคมยอมรับว่าเขาควรได้รับการนิรโทษกรรม อย่าหยิบเรื่องอื่นขึ้นมาขอให้ทำเรื่องเดียว ทั้งนี้ไม่คิดว่าเมื่อเกิดภาพการเจรจาระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่ม นปช.แล้ว จะเป็นตัวบีบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคมีจุดยืนเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนแนวคิดที่มีการเปิดเผยหลังการเจรจาว่า จะมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีกฉบับหนึ่งในส่วนของแกนนำ ซึ่งจะให้มีคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อพิจารณาว่าใครสมควรได้รับการนิรโทษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นเหตุผล และความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงตรงนั้น เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง หากมีความเชื่อเรื่องความปรองดองควรเริ่มต้นจากจุดร่วมจะไปเริ่มต้นจากจุดที่มีความขัดแย้งทำไม เพราะถ้าเห็นตรงกันว่าประชาชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินสมควรได้รับการนิรโทษกรรมมาทำเรื่องนี้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นวิธีการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สร้างเจตนารมณ์ร่วมกัน แต่ถ้าจะเอาเรื่องของคนอื่นเข้ามาพ่วงด้วยก็ขัดแย้งต่อ อยากให้เห็นใจคนที่รอคอยสิ่งนี้ เพราะเป็นคนที่สังคมยอมรับว่าเขาควรได้รับการนิรโทษกรรม อย่าหยิบเรื่องอื่นขึ้นมาขอให้ทำเรื่องเดียว ทั้งนี้ไม่คิดว่าเมื่อเกิดภาพการเจรจาระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่ม นปช.แล้ว จะเป็นตัวบีบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคมีจุดยืนเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง