นางอัชณา ลิมป์ไพฑูรย์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว จะทำให้ผู้ประกอบการตกลงราคาซื้อขายกับผู้ซื้อในต่างประเทศลำบากขึ้น จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพเกาะกลุ่มกับประเทศในภูมิภาค โดยค่าเงินบาทที่มีความเหมาะสมควรจะอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ นางอัชณา คาดว่าตัวเลขส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแบบรับจ้างผลิต หรือ OEM ร้อยละ80 ที่เหลืออีกร้อยละ 20 เป็นอะไหล่ทั่วไปหรืออะไหล่ทดแทน โดยปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เติบโต คือ คำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศยังคงเติบโต ส่วน Produce Champion ของไทยยังเป็นรถกระบะและอีโคคาร์ และในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศผู้ผลิตรถบัสและรถบรรทุก ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตขึ้นไปอีก ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยมียอดส่งออกรถยนต์ที่ 2.45 ล้านคัน เป็นอันดับ 7 ของโลก และเลื่อนอันดับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 10 จากอันดับที่ 13 ของโลก และเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ นางอัชณา คาดว่าตัวเลขส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแบบรับจ้างผลิต หรือ OEM ร้อยละ80 ที่เหลืออีกร้อยละ 20 เป็นอะไหล่ทั่วไปหรืออะไหล่ทดแทน โดยปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เติบโต คือ คำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศยังคงเติบโต ส่วน Produce Champion ของไทยยังเป็นรถกระบะและอีโคคาร์ และในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศผู้ผลิตรถบัสและรถบรรทุก ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตขึ้นไปอีก ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยมียอดส่งออกรถยนต์ที่ 2.45 ล้านคัน เป็นอันดับ 7 ของโลก และเลื่อนอันดับขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 10 จากอันดับที่ 13 ของโลก และเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน
