บรรดาผู้ถือหุ้นเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) จับตาอนาคต ลี เซียนหยาง ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ขณะที่พวกผู้สันทัดกรณีชี้มีเหตุผลมากมายที่เจ้าสัวเจริญควรรั้งตัวน้องชายนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ผู้นี้เอาไว้ เพื่อเดินแผนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์แห่งนี้
ลี เซียนหยาง ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเอฟแอนด์เอ็ม วัย 55 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง โดยเป็นบุตรชายคนที่สองของ ลี กวนยู รัฐบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ แสดงบทบาทเป็นผู้ตรวจตรากำกับศึกเทกโอเวอร์กลุ่มกิจการเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ที่มีอายุอานามถึง 130 ปีแห่งนี้ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากมูลค่าของดีลคราวนี้ ซึ่งตีราคาเอฟแอนด์เอ็นไว้ที่ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ยังทำให้มันกลายเป็นการควบกิจการรายที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ถึงแม้มีข้อขัดแย้งอยู่ไม่ใช่น้อยกับคณะกรรมการบริหารของเอฟแอนด์เอ็น แต่มีเหตุผลมากมายที่เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ควรจะยื้อตัว ลี บุรุษมากความสามารถและมีสายสัมพันธ์โยงใยอันลึกซึ้ง เพื่อจะได้ส่งเสริมสนับสนุนแผนการใช้ประโยชน์จากพวกธุรกิจเครื่องดื่ม, เครือข่ายจัดจำหน่าย, และอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีของเอฟแอนด์เอ็น
มาโน ซาบนานี ผู้ถือหุ้นรายย่อยและอดีตผู้บริหารอาวุโสของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของสิงคโปร์เชื่อว่า ลีจะลาออกจากเอฟแอนด์เอ็น เว้นแต่ได้รับการขอร้องให้อยู่ต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาโนเชื่อว่า สำหรับคนเก่งอย่างลี การออกไปแสวงหาบทบาทใหม่ๆ ไม่ใช่ปัญหายากเย็นอะไร
เป็นที่เชื่อกันว่า อนาคตของลีจะเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นเอฟแอนด์เอ็นวันอังคาร (29)
ลี เซียนหยาง ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเอฟแอนด์เอ็ม วัย 55 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง โดยเป็นบุตรชายคนที่สองของ ลี กวนยู รัฐบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ แสดงบทบาทเป็นผู้ตรวจตรากำกับศึกเทกโอเวอร์กลุ่มกิจการเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ที่มีอายุอานามถึง 130 ปีแห่งนี้ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากมูลค่าของดีลคราวนี้ ซึ่งตีราคาเอฟแอนด์เอ็นไว้ที่ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ยังทำให้มันกลายเป็นการควบกิจการรายที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
ถึงแม้มีข้อขัดแย้งอยู่ไม่ใช่น้อยกับคณะกรรมการบริหารของเอฟแอนด์เอ็น แต่มีเหตุผลมากมายที่เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ควรจะยื้อตัว ลี บุรุษมากความสามารถและมีสายสัมพันธ์โยงใยอันลึกซึ้ง เพื่อจะได้ส่งเสริมสนับสนุนแผนการใช้ประโยชน์จากพวกธุรกิจเครื่องดื่ม, เครือข่ายจัดจำหน่าย, และอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีของเอฟแอนด์เอ็น
มาโน ซาบนานี ผู้ถือหุ้นรายย่อยและอดีตผู้บริหารอาวุโสของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของสิงคโปร์เชื่อว่า ลีจะลาออกจากเอฟแอนด์เอ็น เว้นแต่ได้รับการขอร้องให้อยู่ต่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาโนเชื่อว่า สำหรับคนเก่งอย่างลี การออกไปแสวงหาบทบาทใหม่ๆ ไม่ใช่ปัญหายากเย็นอะไร
เป็นที่เชื่อกันว่า อนาคตของลีจะเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นเอฟแอนด์เอ็นวันอังคาร (29)