นายอดิศร อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า เปิดเผยว่า เตรียมยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐบาลทบทวนโครงการรับจำนำข้าวเปลือก บ่ายวันนี้ เพราะเห็นว่ารัฐบาลกระทำผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 84 วรรค 1 ที่ระบุว่ารัฐบาลต้องสนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรม โดยอาศัยกลไกตลาดที่มีการแข่งขัน โดยต้องยกเลิกการทำธุรกิจที่มีลักษณะแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่ว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐและส่วนรวม แต่การกระทำของภาครัฐตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำ เป็นการสร้างเงื่อนไขที่ผิด แม้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็เห็นว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายใหญ่ มากกว่าเกษตรกรรายย่อย
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ไปถึง 1 แสนล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้รวบรวมรายชื่อนักวิชาการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง จากนิด้า 60 คน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 20 คน ที่เหลือเป็นนักศึกษาและผู้ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการไม่ขัดข้องแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แต่ติดตรงที่ว่ารัฐบาลกำหนดเพดานรับจำนำกับเกษตรกรแบบจำนำทุกเมล็ด ทำให้เกษตรกรไม่มาไถ่ถอน ขณะที่เพดานราคารับจำนำเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้า 15,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอม 20,000 บาทต่อตัน ก็สูงกว่าตลาดมาก จึงอยากให้ทบทวน
ทั้งนี้ ในอดีตการรับจำนำกำหนดเพดานและปริมาณของเกษตรกรแต่ละราย จะต้องไม่เกิน 25 ตัน และไม่เกิน 350,000 บาท โดยการกำหนดรับจำนำแบบไม่อั้นครั้งนี้ทำให้เกษตรกรรายใหญ่ ที่มีพื้นที่นาค่อนข้างมาก จะได้รับประโยชน์มากกว่าเกษตรกรที่มีผลผลิตเพียงเล็กน้อย ขณะที่รัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนเข้าไปรับซื้อ และเมื่อขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้เอกชน ก็จะขายแบบขาดทุน
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ไปถึง 1 แสนล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้รวบรวมรายชื่อนักวิชาการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง จากนิด้า 60 คน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 20 คน ที่เหลือเป็นนักศึกษาและผู้ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการไม่ขัดข้องแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แต่ติดตรงที่ว่ารัฐบาลกำหนดเพดานรับจำนำกับเกษตรกรแบบจำนำทุกเมล็ด ทำให้เกษตรกรไม่มาไถ่ถอน ขณะที่เพดานราคารับจำนำเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้า 15,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอม 20,000 บาทต่อตัน ก็สูงกว่าตลาดมาก จึงอยากให้ทบทวน
ทั้งนี้ ในอดีตการรับจำนำกำหนดเพดานและปริมาณของเกษตรกรแต่ละราย จะต้องไม่เกิน 25 ตัน และไม่เกิน 350,000 บาท โดยการกำหนดรับจำนำแบบไม่อั้นครั้งนี้ทำให้เกษตรกรรายใหญ่ ที่มีพื้นที่นาค่อนข้างมาก จะได้รับประโยชน์มากกว่าเกษตรกรที่มีผลผลิตเพียงเล็กน้อย ขณะที่รัฐบาลต้องนำเงินภาษีของประชาชนเข้าไปรับซื้อ และเมื่อขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้เอกชน ก็จะขายแบบขาดทุน