นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานปฏิบัติและกำกับดูแลการดำเนินโครงการรับจำนำเข้าใจหลักเกณฑ์ และขั้นตอนปฏิบัติอย่างแท้จริง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งระบบ และให้ดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส ป้องกันการทุจริต และความเสียหายของภาครัฐในทุกขั้นตอนการดำเนินการรับจำนำ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ นายบุญทรง กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. เพื่อหาข้อสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลขการใช้งบประมาณในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังรอบพิเศษ และตัวเลขข้าวเปลือกนาปีรอบใหม่ ที่คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า 4 แสนล้านบาท เมื่อได้ผลสรุปจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า โครงการรับจำนำสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรกว่า 20 ล้านคนให้ได้รับประโยชน์ และเสียงส่วนใหญ่จากเกษตรกรยังมีความต้องการให้มีการรับจำนำ มั่นใจว่าโครงการนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ขณะเดียวกันมีการระบายข้าวรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้รัฐบาลสามารถขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จี2จี) กว่า 7 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ นายบุญทรง กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. เพื่อหาข้อสรุปความชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลขการใช้งบประมาณในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังรอบพิเศษ และตัวเลขข้าวเปลือกนาปีรอบใหม่ ที่คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า 4 แสนล้านบาท เมื่อได้ผลสรุปจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์ต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า โครงการรับจำนำสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรกว่า 20 ล้านคนให้ได้รับประโยชน์ และเสียงส่วนใหญ่จากเกษตรกรยังมีความต้องการให้มีการรับจำนำ มั่นใจว่าโครงการนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ขณะเดียวกันมีการระบายข้าวรัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้รัฐบาลสามารถขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จี2จี) กว่า 7 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์