นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 20 ภายใต้หัวข้อ "การผลักดันการเปิดเสรีการค้าการลงทุน การรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภุมิภาค และการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้" ร่วมกับผู้นำ 20 เขตเศรษฐกิจ ที่ศูนย์การประชุมเอเปก มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์น เฟดเดอรัล ซึ่งผู้นำเขตเศรษฐกิจต่างๆ ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและจุดยืนเกี่ยวกับแนวทางและบทบาทของเอเปกภายหลังบรรลุเป้าหมายโบกอร์ เพื่อส่งเสริมให้มีการเจริญเติบทางเศรษฐกิจ การก้าวไปสู่เป้าหมายเขตการค้าเสรีเอเซียและแปซิฟิก ให้สามารถดำเนินการได้หลายรูปแบบ โดยพื้นฐานกรอบความตกลงที่มีอยู่
นอกจากนี้ รัสเซียในฐานะเจ้าภาพ ได้กำหนดหัวข้อ "ห่วงโซ่อุปทานของโลก" เพื่อให้ความสำคัญต่อการศึกษาข้อได้เปรียบของเส้นทางการค้าที่มีอยู่แล้ว และเส้นทางที่มีศักยภาพภายในเอเปก โดยเน้นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพและความรวดเร็วให้กับการขนส่งสินค้า ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นท้าทายของเอเปกด้านการค้าการลงทุนมิติใหม่ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถเป็นหุ้นส่วนที่มีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเขตเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อทำให้เอเปกเป็นภูมิภาคที่ขับเคลื่อนการเติบโตของโลก นอกจากนี้ ไทยยังมีบทบาทสำคัญในกรอบความร่วมมืออื่นในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกัน เห็นด้วยกับการเจรจาการค้าเสรีที่โปร่งใส ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าในอนาคต และไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิก
สำหรับในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะพบปะหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ร่วมกับผู้นำจากอินโดนีเซีย เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพร้อมในความร่วมมือจากระดับรัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อหาจุดร่วมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นการสร้างความเจริญเติบโตในระบบเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ รัสเซียในฐานะเจ้าภาพ ได้กำหนดหัวข้อ "ห่วงโซ่อุปทานของโลก" เพื่อให้ความสำคัญต่อการศึกษาข้อได้เปรียบของเส้นทางการค้าที่มีอยู่แล้ว และเส้นทางที่มีศักยภาพภายในเอเปก โดยเน้นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพและความรวดเร็วให้กับการขนส่งสินค้า ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นท้าทายของเอเปกด้านการค้าการลงทุนมิติใหม่ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถเป็นหุ้นส่วนที่มีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเขตเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อทำให้เอเปกเป็นภูมิภาคที่ขับเคลื่อนการเติบโตของโลก นอกจากนี้ ไทยยังมีบทบาทสำคัญในกรอบความร่วมมืออื่นในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกัน เห็นด้วยกับการเจรจาการค้าเสรีที่โปร่งใส ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าในอนาคต และไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิก
สำหรับในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะพบปะหารือกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ร่วมกับผู้นำจากอินโดนีเซีย เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพร้อมในความร่วมมือจากระดับรัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อหาจุดร่วมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นการสร้างความเจริญเติบโตในระบบเศรษฐกิจโลก
