การเจรจาระหว่างฮิลลารี คลินตันกับเหล่าผู้นำจีนไม่สามารถสะสางความไม่ลงรอย กรณี วิกฤตซีเรีย รวมทั้งปัญหาการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะประเด็นหลังที่สื่อแดนมังกรโจมตีว่า อเมริกากำลังเพาะเมล็ดพันธุ์ความขัดแย้งเพื่อฉกฉวยความได้เปรียบจากกรณีพิพาทระหว่างจีนกับชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เดินทางถึงจีนเมื่อคืนวันอังคาร (4) และเริ่มหารือกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และหยาง เจียฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนในวันพุธ (5)นั้น ต้องการให้จีนหยุดให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย รวมทั้งขอให้จีนยืดหยุ่นมากขึ้นกับกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ ทว่า การแสดงความคิดเห็นของคลินตันและหยางสะท้อนว่า ทั้งสองมหาอำนาจยังคงแตกแยกกันอย่างรุนแรงในเรื่องต่างๆ แม้ต่างฝ่ายยืนยันว่า ถึงคิดต่างแต่พร้อมร่วมมือกันก็ตาม
ที่ผ่านมา สหรัฐฯและอีกหลายประเทศไม่พอใจที่จีนและรัสเซีย ใช้สิทธิยับยั้ง (veto)ในคณะมนตรีความ มั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อยับยั้งมติที่อาจนำไปสู่การคว่ำบาตรระบอบอัสซาดมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ปักกิ่งยืนกรานว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียต้องสะสางผ่านการเจรจา ไม่ใช่จากแรงกดดันของภายนอก
ในการแถลงข่าวร่วมกับคลินตัน หยางกล่าวว่า “ผมคิดว่า ประวัติศาสตร์จะตัดสินว่า จุดยืนของจีนต่อกรณีซีเรียเป็นการส่งเสริมวิธีจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสม สิ่งที่เราคำนึงถึงคือผลประโยชน์ของชาวซีเรีย สันติภาพ เสถียรภาพ และพัฒนาการในภูมิภาคดังกล่าวและทั่วโลก”
ความคิดเห็นดังกล่าวของหยางเป็นการโจมตีคลินตันโดยตรง เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เคยวิจารณ์ว่า การใช้สิทธิวีโต้ทำให้จีนและรัสเซีย “อยู่ในด้านที่ผิดเพี้ยนของประวัติศาสตร์”
ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เดินทางถึงจีนเมื่อคืนวันอังคาร (4) และเริ่มหารือกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และหยาง เจียฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนในวันพุธ (5)นั้น ต้องการให้จีนหยุดให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย รวมทั้งขอให้จีนยืดหยุ่นมากขึ้นกับกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ ทว่า การแสดงความคิดเห็นของคลินตันและหยางสะท้อนว่า ทั้งสองมหาอำนาจยังคงแตกแยกกันอย่างรุนแรงในเรื่องต่างๆ แม้ต่างฝ่ายยืนยันว่า ถึงคิดต่างแต่พร้อมร่วมมือกันก็ตาม
ที่ผ่านมา สหรัฐฯและอีกหลายประเทศไม่พอใจที่จีนและรัสเซีย ใช้สิทธิยับยั้ง (veto)ในคณะมนตรีความ มั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อยับยั้งมติที่อาจนำไปสู่การคว่ำบาตรระบอบอัสซาดมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ปักกิ่งยืนกรานว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียต้องสะสางผ่านการเจรจา ไม่ใช่จากแรงกดดันของภายนอก
ในการแถลงข่าวร่วมกับคลินตัน หยางกล่าวว่า “ผมคิดว่า ประวัติศาสตร์จะตัดสินว่า จุดยืนของจีนต่อกรณีซีเรียเป็นการส่งเสริมวิธีจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสม สิ่งที่เราคำนึงถึงคือผลประโยชน์ของชาวซีเรีย สันติภาพ เสถียรภาพ และพัฒนาการในภูมิภาคดังกล่าวและทั่วโลก”
ความคิดเห็นดังกล่าวของหยางเป็นการโจมตีคลินตันโดยตรง เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เคยวิจารณ์ว่า การใช้สิทธิวีโต้ทำให้จีนและรัสเซีย “อยู่ในด้านที่ผิดเพี้ยนของประวัติศาสตร์”