นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการทดสอบประสิทธิภาพกำแพงป้องกันน้ำถาวรของ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ที่มีความสูง 5.5 เมตร ยาว 20.6 กิโลเมตร รอบนิคมอุตสาหกรรม ใช้งบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท เพื่อป้องกันอุทกภัย โดยกำแพงกั้นน้ำบางส่วนสามารถป้องกันน้ำได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม และจะแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนกันยายน ซึ่งผลการทดสอบโดยใช้เรือผลักดันน้ำขนาด 2 ลำ มีแรงดันน้ำสูงสุด 37 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว พบว่ากำแพงสามารถรองรับแรงปะทะและกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยหลังการทดสอบนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้บริหาร ประชาชน และทุกหน่วยงาน ที่มีส่วนร่วม ดำเนินการสร้างกำแพงกั้นน้ำถาวร ที่ไม่ใช่เพียงการพิสูจน์การป้องกันน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความมั่นใจและความพร้อมของทุกส่วน ส่วนของรัฐบาลก็มีแนวทางในการป้องกันอุทกภัยอย่างเต็มที่ แบ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำ ที่เน้นการดูดซับและชะลอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเน้นการสร้างฝายถาวรและกึ่งถาวร พื้นที่กลางน้ำมีการปรับระดับน้ำภายในเขื่อน ไม่ให้ไหลทะลักพร้อมขุดลอกคูคลองและดำเนินการพื้นที่แก้มลิงที่มีความคืบหน้าไปมาก
สำหรับพื้นที่ปลายน้ำที่ถือว่ามีความสำคัญได้เร่งเรื่องระบายน้ำลงสู่ทะเล และให้การป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจพร้อมกับเพิ่มการระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก ยกระดับถนนป้องกันน้ำท่วมทั้ง 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลและการเตือนภัยกับนิคมอุตสาหกรรม และเชื่อมั่นว่าการสร้างกำแพงนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการในนิคม
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลจะร่วมทำงานกับทุกส่วนเพื่อป้องกันเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่
โดยหลังการทดสอบนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้บริหาร ประชาชน และทุกหน่วยงาน ที่มีส่วนร่วม ดำเนินการสร้างกำแพงกั้นน้ำถาวร ที่ไม่ใช่เพียงการพิสูจน์การป้องกันน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความมั่นใจและความพร้อมของทุกส่วน ส่วนของรัฐบาลก็มีแนวทางในการป้องกันอุทกภัยอย่างเต็มที่ แบ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำ ที่เน้นการดูดซับและชะลอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเน้นการสร้างฝายถาวรและกึ่งถาวร พื้นที่กลางน้ำมีการปรับระดับน้ำภายในเขื่อน ไม่ให้ไหลทะลักพร้อมขุดลอกคูคลองและดำเนินการพื้นที่แก้มลิงที่มีความคืบหน้าไปมาก
สำหรับพื้นที่ปลายน้ำที่ถือว่ามีความสำคัญได้เร่งเรื่องระบายน้ำลงสู่ทะเล และให้การป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจพร้อมกับเพิ่มการระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก ยกระดับถนนป้องกันน้ำท่วมทั้ง 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลและการเตือนภัยกับนิคมอุตสาหกรรม และเชื่อมั่นว่าการสร้างกำแพงนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการในนิคม
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลจะร่วมทำงานกับทุกส่วนเพื่อป้องกันเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่