พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำเอกสารหลักฐานพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้เกณฑ์ทหารตามกำหนด แต่สมัครเข้ารับราชการทหาร เป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ด้วยการใช้เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบราชการ 2 ฉบับ คือใบรับรองการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร และเอกสารการขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน หรือสด.9 ฉบับใหม่ แทนใบเก่าที่แจ้งว่า ชำรุดสูญหาย โดยเชื่อว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริง เพราะข้อความระบุว่า เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อปี 2531 ทั้งที่เข้าบัญชี ตั้งแต่ปี 2529 แล้ว และยังพบว่า ระหว่างรับราชการทหาร 1 ปี ยังลาราชการไปต่างประเทศ 221 วัน เกินกำหนดในระบบ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า โดยข้อเท็จจริงได้ระบุไปแล้วว่า ไม่ได้เข้ารับการคัดเลือกเพราะอยู่ในช่วงที่สมัครเข้ารับราชการทหาร โดยมีหลักฐานทะเบียนแสดงการผ่อนผันครบถ้วนแต่ในรายละเอียดไม่ได้ชี้แจง เนื่องจากกรณีนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานชั้นศาล ซึ่งฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในคดีหมิ่นประมาท และหลังจากนี้จะพิจารณาฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพิ่มเติม เพราะกระทรวงกลาโหมได้สอบข้อเท็จจริงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับมีการสอบใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติจึงเชื่อได้ว่ามีใบสั่งทางการเมืองเพื่อช่วยเหลือทางคดีให้นายจตุพรพ้นผิด
สำหรับผลการสอบครั้งนี้กระทรวงกลาโหม เตรียมส่งข้อมูลให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน และส่งเรื่องให้นายทหารพระธรรมนูญได้พิจารณาดำเนินการถอดยศร้อยตรี รวมเรียกคืนเงินรับราชการทั้งหมดคืน ส่วนนายทหารที่เกี่ยวข้องถือเป็นกรณีสิ้นสุดอายุความ และผู้เกี่ยวข้องเกษียณอายุราชการไปแล้ว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า โดยข้อเท็จจริงได้ระบุไปแล้วว่า ไม่ได้เข้ารับการคัดเลือกเพราะอยู่ในช่วงที่สมัครเข้ารับราชการทหาร โดยมีหลักฐานทะเบียนแสดงการผ่อนผันครบถ้วนแต่ในรายละเอียดไม่ได้ชี้แจง เนื่องจากกรณีนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานชั้นศาล ซึ่งฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในคดีหมิ่นประมาท และหลังจากนี้จะพิจารณาฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพิ่มเติม เพราะกระทรวงกลาโหมได้สอบข้อเท็จจริงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับมีการสอบใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติจึงเชื่อได้ว่ามีใบสั่งทางการเมืองเพื่อช่วยเหลือทางคดีให้นายจตุพรพ้นผิด
สำหรับผลการสอบครั้งนี้กระทรวงกลาโหม เตรียมส่งข้อมูลให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน และส่งเรื่องให้นายทหารพระธรรมนูญได้พิจารณาดำเนินการถอดยศร้อยตรี รวมเรียกคืนเงินรับราชการทั้งหมดคืน ส่วนนายทหารที่เกี่ยวข้องถือเป็นกรณีสิ้นสุดอายุความ และผู้เกี่ยวข้องเกษียณอายุราชการไปแล้ว
