นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจการปฏิบัติงานด่านศุลกากรสะเดา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อรองรับการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยในแต่ละปีด่านสะเดามีมูลค่าการนำเข้าส่งออกประมาณ 3 แสนล้านบาท หรือ 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าชายแดนทั้งหมด สำหรับการพัฒนาในระยะสั้น จะเร่งเพิ่มจุดตรวจเอกสารนักท่องเที่ยว ขยายถนนและสร้างมอเตอร์เวย์ เพื่อลดการจราจรที่ติดขัด ขณะที่ระยะต่อไป จะก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ยังได้ติดตามโครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบ จ.สงขลา ส่วนขยายระยะที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาด่านชายแดนไทย-มาเลเซียทั้ง 9 จุด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการค้าการลงทุน ก่อนที่ไทยจะเข้าสู่การรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า การดำเนินงานยังมีความล่าช้า ในการจัดสรรงบประมาณการก่อสร้าง และค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการเวนคืนที่ดิน ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านบางส่วนไม่ยอมเจรจา บางส่วนยังติดปัญหาด้านกฎหมาย และการปฏิบัติตามระบบราชการ จึงต้องเร่งทำความเข้าใจในทุกส่วนราชการ บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยจะเร่งหารือกับกระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ และย้ำว่าการดำเนินการต่างๆ จะให้มีความเป็นธรรม
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ยังได้ติดตามโครงการด่านศุลกากรบ้านประกอบ จ.สงขลา ส่วนขยายระยะที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาด่านชายแดนไทย-มาเลเซียทั้ง 9 จุด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการค้าการลงทุน ก่อนที่ไทยจะเข้าสู่การรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายกิตติรัตน์ ยอมรับว่า การดำเนินงานยังมีความล่าช้า ในการจัดสรรงบประมาณการก่อสร้าง และค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการเวนคืนที่ดิน ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านบางส่วนไม่ยอมเจรจา บางส่วนยังติดปัญหาด้านกฎหมาย และการปฏิบัติตามระบบราชการ จึงต้องเร่งทำความเข้าใจในทุกส่วนราชการ บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยจะเร่งหารือกับกระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ และย้ำว่าการดำเนินการต่างๆ จะให้มีความเป็นธรรม