นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจด่านศุลกากรตามแนวชายแดนในจังหวัดภาคใต้ และพื้นที่การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะบริเวณด่านสะเดา จ.สงขลา มีมูลค่าสินค้านำเข้า-ส่งออก สูงถึง 300,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 400,000 ล้านบาท ในปี 2558 หลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีปัญหาการจราจรจากปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ต้องต่อแถวรอคิวปล่อยสินค้า หลายกิโลเมตร เนื่องจากด่านศุลกากรคับแคบ จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ บนพื้นที่ 661 ไร่ วงเงินลงทุนประมาณ 650 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาต้องเจรจากับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเข้าไปอาศัยเป็นเวลานานแต่เป็นที่ดินของรัฐ โดยชาวบ้านเกินครึ่งให้ความร่วมมือ คาดว่าเดินหน้าก่อสร้างได้
ส่วนการพัฒนาปรับปรุงด่านการค้าในภาคใต้ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการค้ากับมาเลเซีย ทั้งระบบรถไฟรางคู่ การสร้างทางมอเตอร์เวย์จากหาดใหญ่-ด่านสะเดา ระยะทาง 56 กิโลเมตร และการขยายเส้นทางจากถนนเพชรเกษม มายังท่าเรือน้ำลึกระนอง ระยะทาง 130 กิโลเมตร เพื่อรองรับการค้ากับพม่าด้านเกาะสอง และการเชื่อมโยงเส้นทางจากกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี รองรับการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีปัญหาการจราจรจากปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ต้องต่อแถวรอคิวปล่อยสินค้า หลายกิโลเมตร เนื่องจากด่านศุลกากรคับแคบ จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ บนพื้นที่ 661 ไร่ วงเงินลงทุนประมาณ 650 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาต้องเจรจากับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเข้าไปอาศัยเป็นเวลานานแต่เป็นที่ดินของรัฐ โดยชาวบ้านเกินครึ่งให้ความร่วมมือ คาดว่าเดินหน้าก่อสร้างได้
ส่วนการพัฒนาปรับปรุงด่านการค้าในภาคใต้ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการค้ากับมาเลเซีย ทั้งระบบรถไฟรางคู่ การสร้างทางมอเตอร์เวย์จากหาดใหญ่-ด่านสะเดา ระยะทาง 56 กิโลเมตร และการขยายเส้นทางจากถนนเพชรเกษม มายังท่าเรือน้ำลึกระนอง ระยะทาง 130 กิโลเมตร เพื่อรองรับการค้ากับพม่าด้านเกาะสอง และการเชื่อมโยงเส้นทางจากกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี รองรับการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย