ส.อ.ท.แนะไทยแก้กฎระเบียบเป็นอุปสรรคต่างชาติเข้ามาลงทุน

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ทำให้ไทยมีความน่าสนใจด้านการลงทุนในสายตานักลงทุนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ และจีน อยู่ในอันดับ 4 รองจากเวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย นับตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ไทยมีความน่าสนใจมากที่สุด ทั้งนี้มาจาก 2 ปัจจัยลบในประเทศคือ การเมืองไม่นิ่ง และค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งกระทบต่อบรรยากาศความน่าสนใจลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่จากเดิมใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าในต้นทุนที่ถูก
สำหรับกลุ่มสหพัฒน์ถ้าหากว่า มองหาโอกาสไปลงทุนประเทศอื่นในอาเซียน เพื่อที่จะรับการเปิดเออีซี โดยที่รูปแบบการลงทุนจะหาพันธมิตรนำสินค้าที่มีไปจำหน่ายเป็นอันดับแรก ก่อนจะพิจารณาตั้งโรงงานในประเทศนั้น
ด้านกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทชิเซโด ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมยกเลิกว่าจ้างโรงงานในไทยผลิตสินค้า รวมถึงแผนการสร้างโรงงานในไทย เพื่อหันไปลงทุนในเวียดนามแทน เนื่องจากเห็นว่า กฎระเบียบของไทยเป็นอุปสรรคต่อขีดความสามารถการแข่งขันอย่างมาก โดยเฉพาะการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องของการแจ้งรายละเอียดก่อนวันผลิตสินค้า ซึ่งต่างจากประเทศอื่นที่เขาแจ้งรายละเอียดก่อนวางจำหน่ายสินค้า 3 วัน ดังนั้นไทยต้องเร่งแก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน เพราะว่ายังมีผู้ผลิตเครื่องสำอางระดับโลก ในประเทศยุโรปและสหรัฐฯ อีกหลายราย ที่มีแผนจะยกเลิกโครงการที่จะตั้งโรงงานในไทย ส่งผลให้เวียดนามและอินโดนีเซียได้ประโยชน์ไป