นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากพร้อมสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการให้ผู้ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันดีเซลภาคบังคับเป็นไบโอดีเซล B7 แทนไบโอดีเซล B5 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยบางจาก พร้อมปรับเปลี่ยนได้ทันที เนื่องจากมีเครื่องจักรที่สามารถผสมน้ำมันอัตโนมัติได้
อย่างไรก็ตามมองว่า ภาครัฐต้องพิจารณาเรื่องปริมาณปาล์มที่ใช้เพื่อการบริโภคในประเทศให้เพียงพอด้วย ทั้งนี้ หากผสมเป็นไบโอดีเซล B7 จะเป็นผลดีต่อเกษตรกรที่จะช่วยพยุงราคาปาล์มไม่ให้ตกต่ำและอยู่ในระดับ 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้โรงกลั่นบางจาก ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่มีการซื้อเก็บในช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้น แต่ต้องนำมาขายในช่วงราคาน้ำมันขาลง โดยคาดว่าไตรมาส 2 ปีนี้ผลประกอบการของโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นอื่นๆ จะออกมาไม่ดีนัก แต่จะขาดทุนระดับใดนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณสำรองน้ำมันของแต่ละโรงกลั่น
โดยบางจากมีสต๊อกน้ำมัน 5 ล้านบาร์เรล โดยหากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง 10 เหรียญต่อบาร์เรล จะทำให้รายได้หายไป 50 ล้านเหรียญต่อบาร์เรล หรือกระทบรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามมองว่า ภาครัฐต้องพิจารณาเรื่องปริมาณปาล์มที่ใช้เพื่อการบริโภคในประเทศให้เพียงพอด้วย ทั้งนี้ หากผสมเป็นไบโอดีเซล B7 จะเป็นผลดีต่อเกษตรกรที่จะช่วยพยุงราคาปาล์มไม่ให้ตกต่ำและอยู่ในระดับ 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้โรงกลั่นบางจาก ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่มีการซื้อเก็บในช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้น แต่ต้องนำมาขายในช่วงราคาน้ำมันขาลง โดยคาดว่าไตรมาส 2 ปีนี้ผลประกอบการของโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นอื่นๆ จะออกมาไม่ดีนัก แต่จะขาดทุนระดับใดนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณสำรองน้ำมันของแต่ละโรงกลั่น
โดยบางจากมีสต๊อกน้ำมัน 5 ล้านบาร์เรล โดยหากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง 10 เหรียญต่อบาร์เรล จะทำให้รายได้หายไป 50 ล้านเหรียญต่อบาร์เรล หรือกระทบรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท
