นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ปาฐกถาก่อนมีการเสวนาหัวข้อ อำนาจในการบัญญัติรัฐธรรมนูญอยู่ที่ใคร ที่มี นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
นายนิคมระบุว่า ในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นรัฐสภาไม่จำเป็นต้องชะลอการพิจารณาลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ตามคำสั่งของศาล เพราะศาลมีอำนาจยับยั้งเพียงร่าง พ.ร.บ.ที่เห็นว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 เท่านั้น
พร้อมเห็นว่า การดำเนินการตามมาตรา 68 ที่เป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า ผู้ร้องจะต้องยื่นให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนข้อกล่าวหาตามคำร้องว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เพื่อล้มล้างการปกครอง ถือว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะขั้นตอนสุดท้ายจะต้องมีการลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองจริง คงไม่สามารถผ่านพระราชวินิจฉัยได้
อย่างไรก็ตามเห็นว่า ประธานรัฐสภาควรเดินหน้าพิจารณาลงมติวาระ 3 เพราะหากไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่
นายนิคมระบุว่า ในรัฐธรรมนูญไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นรัฐสภาไม่จำเป็นต้องชะลอการพิจารณาลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ตามคำสั่งของศาล เพราะศาลมีอำนาจยับยั้งเพียงร่าง พ.ร.บ.ที่เห็นว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 เท่านั้น
พร้อมเห็นว่า การดำเนินการตามมาตรา 68 ที่เป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า ผู้ร้องจะต้องยื่นให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนข้อกล่าวหาตามคำร้องว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เพื่อล้มล้างการปกครอง ถือว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะขั้นตอนสุดท้ายจะต้องมีการลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองจริง คงไม่สามารถผ่านพระราชวินิจฉัยได้
อย่างไรก็ตามเห็นว่า ประธานรัฐสภาควรเดินหน้าพิจารณาลงมติวาระ 3 เพราะหากไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่