นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า เหตุผลของการลาออกในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าต้องการให้งานของกระทรวงคมนาคมเดินหน้า เพราะว่าหลายงานต้องการมีการตัดสินใจ และลงนามจากปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งหากไม่มีจะส่งผลต่องานของกระทรวง และส่งผลกระทบต่อประชาชนในที่สุด ในขณะที่คดีความที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ จึงเปิดทางให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
นายสุพจน์ ยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เตรียมพิจารณาลงความเห็นในคดีร่ำรวยผิดปกติในวันพรุ่งนี้ และการลาออกในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่มีการเมือง หรือว่ากลุ่มใดเข้ามากดดัน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม จะนำเรื่องการลาออกของนายสุพจน์ เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่า การลาออกจากราชการของนายสุพจน์ จะไม่กระทบต่อการวินิจฉัยของกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่จะมีการวินิจฉัยข้อกล่าวหาการร่ำรวยผิดปกติในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ถ้าหากว่า ป.ป.ช.วินิจฉัยว่า นายสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติ จะต้องส่งเรื่องให้กับศาลยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนอีกสองข้อกล่าวหา คือการจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ทาง ป.ป.ช.จะปิดสำนวนไม่เกินเดือนสิงหาคม 2555 โดยที่อัตราโทษกรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จตามกฎหมายของ ป.ป.ช.กำหนดอัตราให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ 1 ครั้ง
นายสุพจน์ ยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เตรียมพิจารณาลงความเห็นในคดีร่ำรวยผิดปกติในวันพรุ่งนี้ และการลาออกในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่มีการเมือง หรือว่ากลุ่มใดเข้ามากดดัน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม จะนำเรื่องการลาออกของนายสุพจน์ เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่า การลาออกจากราชการของนายสุพจน์ จะไม่กระทบต่อการวินิจฉัยของกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่จะมีการวินิจฉัยข้อกล่าวหาการร่ำรวยผิดปกติในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ถ้าหากว่า ป.ป.ช.วินิจฉัยว่า นายสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติ จะต้องส่งเรื่องให้กับศาลยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนอีกสองข้อกล่าวหา คือการจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ทาง ป.ป.ช.จะปิดสำนวนไม่เกินเดือนสิงหาคม 2555 โดยที่อัตราโทษกรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จตามกฎหมายของ ป.ป.ช.กำหนดอัตราให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ต่อการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ 1 ครั้ง